จบการแข่งขันไปแบบครบรสสุดมันสำหรับเกมระหว่าง แคเมอรูน พบ เซอร์เบีย ในนัดที่สองกลุ่มจี โดยทั้งสองทีมผลัดกันนำ ผลัดกันตาม จนสุดท้ายมาเสมอกันที่ 3-3 แบ่งกันไปทีมละ 1 แต้ม
เริ่มเกม เซอร์เบีย ดูเป็นต่อเล็กน้อย มีเกมรุกที่หลากหลาย ทั้งเจาะตรงกลาง และริมเส้น โจมตี แคเมอรูน แต่ส่วนใหญ่จะเป็นการเล่นบอลกับพื้น ไม่ได้ใช้การโยนเข้าไปหาศูนย์หน้าตัวเป้าของทีมอย่าง อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช ที่ถนัดลูกกลางอากาศ ทำให้ยังดูเหมือนขาดๆเกินๆ อยู่บ้าง
ขณะที่ แคเมอรูน เน้นการใช้ความสามารถเฉพาะตัวของนักเตะที่แข็งแกร่ง และมีความเร็วรุกเข้าใส่ ซึ่งพวกเขาก็ทำได้ดีในระดับหนึ่ง ก่อนจะมาได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะฟรีคิก ที่ ฌอง-ชาร์ลส์ กาสเตลเล็ตโต เข้ามาชาร์จที่เสาสอง นาที 29
อย่างไรก็ตามแม้จะตามหลัง แต่รูปเกมของเซอร์เบีย ยังดูดีกว่า บวกกับเกมรับของแคเมอรูน ที่ไม่ได้เหนียวแน่นสักเท่าไหร่ เน้นคุมโซนประกบตัวกันห่าง ทำให้ มีช่องให้ เซอร์เบีย ทำเกม และมาได้ 2 ลูกรวด ในช่วงท้ายครึ่งแรก
เริ่มครึ่งหลัง เซอร์เบีย ยังคงเล่นเหมือนเดิม และก็มาบวกได้อีก 1 ประตูจาก มิโตรวิช แต่หลังจากนั้น พวกเขาเหมือนชะล่าใจ บวกกับความผิดพลาด ส่วนบุคคลของ นิโคลา มิเลนโควิช ที่เช็กล้ำหน้าพลาดทั้ง 2 ลูก ทำให้ แคเมอรูน ที่ส่งทีเด็ดอย่าง แว็งซ็องต์ อาบูบาการ์ ลงมาสร้างความแตกต่าง ทะลุกับดักล้ำหน้าเข้าไปแผลงฤทธิ์ยิง 1 จ่าย อีก 1 ตีเสมอให้ทีมอย่างเหลือเชื่อ
หลังสกอร์กลับมาเท่ากัน ทางฝั่งเซอร์เบีย ที่ดูรูปเกมเหนือกว่าเล็กน้อยจะผ่อนเกมลงไป แม้แนวรับของ แคเมอรูน จะไม่ได้เหนียวแน่นอะไรมากก็ตาม ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นนเพราะกลัวโดนสวนกลับเล่นงานเหมือน 2 ประตู ที่เพิ่งโดนตีเสมอไป ขณะที่แคเมอรูน เมื่อตัดบอลได้ ก็พยายามเล่นเกมรุกเร็ว ใช้สปีดของ แว็งซ็องต์ อาบูบาการ์ และ เอริก มักซิม ชูโป-โมติง เล่นงานได้น่ากลัวหลายจังหวะเหมือนกัน แต่สุดท้ายยังไม่เฉียบคมพอ ก่อนจบลงด้วยการแบ่งแต้มทั้งคู่
สำหรับโอกาสการเข้ารอบของทั้งสองทีม ขณะที่ มีทีมละ 1 แต้ม โดยนัดสุดท้าย แคเมอรูน จำเป็นต้องชนะ บราซิล และ เซอร์เบีย จำเป็นต้องชนะ สวิตเซอร์แลนด์ สถานเดียว จึงจะมีโอกาสลุ้นเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย