แรงเหวี่ยง การเมือง – การต่อสู้ระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคพลังประชารัฐมีลักษณะ“ตาต่อตา” ไม่เพียงแต่คนของพรรคประชาธิปัตย์จะออกมา “โวย” กรณีการจัดส่งทหาร 100 นายจากกองทัพภาคที่ 2 ลงไปในพื้นที่ เขต 1 ชุมพร หากแต่ในพื้นที่ เขต 6 สงขลา ก็มากด้วยการเคลื่อนไหว เป็นการเคลื่อนไหวที่ร่ำลือกันถึงระดับที่ว่า มีการจัดส่ง“อดีต”นายตำรวจใหญ่ที่เคยคุมพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างเข้าไปคุมทุกจังหวะก้าวอย่างใกล้ชิด ทั้งหมดล้วนเป็น “ข่าว” อันออกจาก “ประชาธิปัตย์” ขณะเดียวกัน หากมองไปยังพรรคพลังประชารัฐโดยพื้นผิวก็มากด้วยการเป็นมวยหลัก การเดินทางไปยังชุมพรของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พร้อมกันกับ นายสันติ พร้อมพัฒน์ มีการแจ้งหมายออกมาจากสำนักนายกรัฐมนตรี เช่นเดียวกับ การเคลื่อนไหวจากทางด้านของพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากไม่ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ไม่ว่า นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ไม่ว่า นายนิพนธ์ บุญญามณี ก็ล้วนแต่ไปขึ้นเวทีของเขต 1 ชุมพรทั้งสิ้น ไปทั้งในฐานะ“รัฐมนตรี” และ “หัวหน้าพรรค” ไม่ว่าผลการเลือกตั้งในวันที่ 16 มกราคมจะออกมาหน้าไหน แต่ผลสะเทือนย่อมตามมา เป็นผลสะเทือนจากบทบาทของ“ผู้อำนวยการ เลือกตั้ง” ของแต่ละพรรค ไม่ว่าจะเป็น นายสันติ พร้อมพัฒน์ ไม่ว่าจะเป็น นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย คนหนึ่ง ร้องเอะอะโวยวาย คนหนึ่ง กบดาน เงียบสนิท ยิ่งเมื่อมองไปยังพื้นที่ เขต 6 สงขลา ภาพและข่าวที่เห็นคือบทบาทของ นายเดชอิศม์ ขาวทอง ขณะที่ นายสุชาติ ชมกลิ่น เคลื่อนไหวอย่างไร้ร่องรอย แต่ทุกก้าวของการเคลื่อนไหวย่อมตรึงตราในความรู้สึก ไม่ว่าจะเป็นรองนายกรัฐมนตรีจากพรรคพลังประชารัฐ หรือจากพรรคประชาธิปัตย์ ต่างออกอาวุธของตนเพื่อส่งผลต่อคะแนนเสียง ในการเลือกตั้งอย่างเต็มที่ และทุกการออกอาวุธ ย่อมปรากฏ ณ เบื้องหน้าแต่ละพรรคการเมือง เด่นชัด นี่คือ “ระเบิดเวลา” อันมีอยู่ภายใน “รัฐบาล”