กระบวนท่าปล่อยข่าว“พลังประชารัฐ ภูมิใจไทย เพื่อไทย”เปี่ยมด้วย“รังสีอำมหิต”
ไม่น่าเชื่อว่าจะมาจากพรรคเพื่อไทย และเป็นไปไม่ได้ว่าจะเป็นกลยุทธ์ที่พรรคเพื่อไทยจะคิดขึ้น เพื่อให้กลายเป็นอาวุธลับในทางการเมือง
เพราะไม่เป็นผลดีกับพรรคเพื่อไทย
ยิ่งมองไปยังพรรคก้าวไกลซึ่งต่อเนื่องมาจากพรรคอนาคตใหม่ ยิ่งเป็นความซับซ้อนเกินกว่าละอ่อนในพรรคก้าวไกลจะสามารถคิดประดิษฐ์สร้างขึ้นได้
แล้ว“ข่าวลือ”นี้ถูก“ปล่อย”ออกมาอย่างไร
บรรดา “เกจิ” อันดำรงอยู่ในสถานะแห่ง “นักวิเคราะห์”ทางการเมืองจึงถูกจับตา
เริ่มต้นจาก บุคคลระดับ“กุนซือ”ซึ่งเคยได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจอย่างสูงยิ่งจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ตั้งให้เป็น“กรรมการผู้ช่วย”รัฐมนตรี
คนนี้เคยเป็น“กำลังสำคัญ”พันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตย
จากนั้น ก็เกาะติดกับแต่ละคำพูดอันออกมาจากปากระดับ“ครูใหญ่”ได้รับความไว้วางใจเป็นอย่างสูงจาก นายอนุทิน ชาญวีรกูล
ผ่านประโยค “ไม่มีมิตรแท้ ศัตรูถาวร” ในทางการเมือง
บทสรุปจาก นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ต่อกระบวนการนี้ถือได้ว่าแหลมคม ตรงเป้า
เขามองไม่เห็นผลดี ตรงกันข้าม กลับอ่านทะลุว่าเป็นการนำเสนอออกมาเพื่อสร้างความเสียหายให้กับจังหวะก้าวทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย
สะท้อนความหวั่นไหวต่อแนวโน้ม“แลนด์สไลด์”
เป้าหมายเพื่อสร้างความหวาดระแวงภายใน แฟนานุแฟนของพรรคเพื่อไทยที่ทนไม่ได้หากมี การจับมือไม่ว่ากับพรรคภูมิใจไทย ไม่ว่าพรรคพลังประชารัฐ
ในที่สุดก็คือ เตะสกัดขาแผน “แลนด์สไลด์”ของพรรคเพื่อไทย
ทุกอย่างล้วนดำเนินไปตามความเชื่อที่ว่า การศึกมิหน่ายเล่ห์ การเมืองมิหน่ายลวง
เพียงแต่เมื่อปล่อยออกมาจากคนที่เคยนั่งข้าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เพียงแต่ปล่อยออกมาจากคนที่เป็น“ครูใหญ่”พรรคภูมิใจไทย
จึงมีน้ำหนัก จึงส่งผลสะเทือนกว้างขวาง