การขยับของ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา การขยับของ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค
สะท้อนให้เห็นท่วงทำนองในแบบ “แยกกันเดิน” โดยมีเป้าหมายเพื่อ “รวมกันตี” ในทางการทหารออกมาได้อย่างเด่นชัด
สัมผัสได้ผ่าน “รวมแผ่นดิน” โดย “คนแรก”
สัมผัสได้ผ่าน “รวมไทยสร้างชาติ” โดยคนหลัง แม้ว่าจะมีสร้อยเสริมแตกต่างกัน แต่ก็ต้องยอมรับต่อวิถีดำเนินไปของตระกูล “รวม”
ชวนให้นึกถึง “รวมพลังประชาชาติไทย” เป็นพิเศษ
อุบัติแห่งพรรครวมพลังประชาชาติไทยเป็น “รูปธรรม” อันเด่นชัดถึงกระบวนการเมือง
พรรคนี้อาจมี ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล เป็นหัวหน้าพรรคคนแรก พร้อมกับการเข้าดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
ต่อมาก็เป็น นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์
แต่ที่สังคมมองเห็นและยอมรับร่วมกันก็คือ เป็นการขับเคลื่อนอย่างเต็มเรี่ยวแรงโดย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการมวลมหาประชาชนกปปส.
นั่นแหละคือจุดเริ่มต้นแห่งความเป็นตระกูล “รวม”
ถามว่ารากฐานของพรรครวมแผ่นดิน พรรครวมไทยสร้างชาติ ดำรงอยู่อย่างไร
เริ่มจาก พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ก็เคยเป็นประธานยุทธศาสตร์ พรรคพลังประชารัฐ เคยเป็นหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย
นี่ย่อมโยงยาวไปยัง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ขณะที่การดำรงอยู่ของ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ก็เคยเป็นที่ปรึกษา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และปัจจุบันคือที่ปรึกษา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ล้วนแวดล้อมและอยู่โดยรอบของ “กลุ่ม 3 ป.”
เป้าหมายของ 2 พรรคตระกูลรวมจึงละม้ายกับพรรครวมพลังประชาชาติไทย
เหมือนกับจะไม่สัมพันธ์กับพรรคพลังประชารัฐ แต่เป้าหมายยังใกล้ชิดกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ “ไปต่อ”