สถานการณ์“สะพานท่าราบ” ปรากฏขึ้นอย่างเงียบเชียบ แต่อำลาไปอย่างครึกโครม
พลันที่เห็นชื่อของ“ท่าราบ”และเกิดในบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลองวาระ 90 ปีแห่งวันที่ 24 มิถุนายน 2475
ผู้คนก็เริ่มมองถึงความเกี่ยวโยง
คำถามก็คือ ด้วยเหตุผลอะไรชื่อของ“สะพานท่าราบ” จึงเข้ามาทับอยู่บนชื่อของ“สะพาน พิบูลสงคราม”
นี่ย่อมเป็น“ความนัย” อันลึกซึ้งเมื่อ 90 ปีก่อน
จําเป็นต้องทำความเข้าใจต่อคำว่า“พิบูลสงคราม” และ“ท่าราบ”อย่างจริงจัง
ท่าราบเป็นนามสกุลของ“นายดิ่น” อันเป็นชื่อจริง สกุลจริงของ นายพันเอกพระยาสิทธิสงคราม นายทหารที่มีชื่อเสียงในแผ่นดินของรัชกาลที่ 7
สำคัญเพราะร่วมใน“กบฏบวรเดช”เมื่อเดือนตุลาคม 2476
ขณะที่คำว่า“พิบูลสงคราม”มาจากชื่อของ นายพันเอกหลวงพิบูลสงคราม ซึ่งมีบทบาทในการปราบ“กบฏบวรเดช”จนได้ชัยชนะ
ที่สำคัญทั้ง 2 คนล้วนเป็นทหารเหล่า“ปืนใหญ่”
เจตนาในการนำชื่อ“สะพานท่าราบ” มาทับ “สะพานพิบูลสงคราม”แจ่มชัดอย่างยิ่ง
แจ่มชัดหากรับรู้ว่าในยุค พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ เป็นผู้บัญชาการทหารบก ได้ปรากฏชื่อ “ห้องศรีสิทธิสงคราม” ขึ้นในกองบัญชาการกองทัพบก
ใกล้เคียงเรียงกับ“ห้องบวรเดช”
เมื่อในกองบัญชาการกองทัพบกมีชื่อ “ห้องบวรเดช” และ“ห้องศรีสิทธิสงคราม”ได้ไฉนชื่อของ“สะพานท่าราบ”จะแทน“สะพานพิบูลสงคราม” ไม่ได้
เพียงแต่ว่าการกระทำนี้จะเป็นของกลุ่มใด ในทางการเมืองเท่านั้น
ปรากฏการณ์“สะพานท่าราบ”จึงสัมพันธ์กับ“อนุสาวรีย์ปราบกบฏ” ที่หายไป
เมื่อสามารถทำให้อนุสาวรีย์“ปราบกบฏ”อันหมายถึงกบฏเมื่อเดือนตุลาคม 2476 หายไปได้ไฉนจะไม่มี “สะพานท่าราบ” ได้เล่า
เรื่องแบบนี้ยังจะเกิดขึ้นอีกต่อไปอย่างแน่นอน