ในที่สุด “กระแส” ในทางการเมือง ก็นำไปสู่การจัดระเบียบแคนดิเดต “ผู้ว่าฯกทม.”

หากมองในแง่ของการแบ่งกลุ่มก็เป็นกลุ่มของ นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ุ อันหมายรวมถึง นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร และ น.ต.ศิธา ทิวารี เข้ามาอยู่ ด้วยกัน

แลก็คือ อีกกลุ่มก็มีการกวาดรวมเข้ามาโดยอัตโนมัติ

เท่ากับเป็นกลุ่มของ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง อยู่เรียงเคียงใกล้กับ นายสกลธี ภัททิยกุล และแน่นอนย่อมมี นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ รวมเข้าไป

จากจำนวน 31 คนจึงตกผลึกมาเป็น 6

มีความพยายามอย่างเต็มกำลังจากด้านของ น.ส.รสนา โตสิตระกูล ในการเบียดแทรก

เป็นความพยายามไม่ว่าจะมองจากด้านของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไม่ว่าจะมองจากด้านของกลุ่มทวงคืนพลังงาน

ไม่ว่าจะมองจากด้านของกลุ่ม “ฟ้าทลายโจร”

แม้จะเป็นความพยายามที่มีคนเด่น คนดัง ทั้งในแวดวงสื่อ แวดวงศิลปิน แวดวงคนทำงานในการพัฒนาภาคเอกชนซึ่งเคยมีบทบาท

แต่ก็มิอาจเบียดแทรกเข้าไปเป็นคนที่ 7 ได้

กล่าวอย่างถึงที่สุดแล้วก็เป็นการต่อสู้อันแหลมคมยิ่งในทางการเมืองในทศวรรษนี้

นั่นก็คือ เป็นจุดเริ่มต้นจากก่อนรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 กระทั่งพัฒนามาอยู่ในจุดก่อนรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557

รวมศูนย์อยู่ที่กลุ่ม “ชัตดาวน์” กับกลุ่ม “ต้าน” ชัตดาวน์

นั่นก็คือ การประจันหน้าระหว่าง นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ุ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร น.ต.ศิธา ทิวารี กับ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง นายสกลธี ภัททิยกุล นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์

คำถามอยู่ที่ว่าชาวกทม.จะเลือกฝ่ายใด

ยิ่งวันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม คืบคลานเข้ามา ยิ่งจะสร้างความแจ่มชัดให้บังเกิด

การเลือกเอาวันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม มาเป็นเกณฑ์ย่อมก่อให้เกิดนัยประหวัดไปยังการรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 อย่างเลี่ยงไม่พ้น

นี่ย่อมเป็นเกม “วัดใจ” คนกทม.อย่างแหลมคมยิ่ง