เมื่อเปิดโปง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กรณี “งานศพพ่อ” คนแสดงบทบาทล้วนมั่นใจ
หากไม่มั่นใจคงไม่มีบุคคลระดับ “อดีตทูต” ออกมาให้ข่าว หากไม่มั่นใจคงไม่มีบุคคลระดับ “นายพล” ออกมา นอกหน้ายืนยัน
มาพร้อมกับสมญา “โอมาน” ประสานเข้ากับ “พิน็อกชิโอ”
แต่พลันที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไล่เรียงหลักฐาน พร้อมกับเอกสาร “ข่าว” และภาพในงานศพออกมาชี้แจงสร้างความเข้าใจ
กรณี “งานศพพ่อ” ก็พังครืนเหมือน “ปราสาททราย”
จากกรณี “งานศพพ่อ” ต่อสายยาวโยงมาเรื่องความสัมพันธ์ในอดีตกับ ต่าย ชุติมา
วาทกรรมว่าด้วยการทำร้ายเมียถูกประโคมอย่างอึกทึกเพื่อเปรียบเทียบกับการผลักดันในเรื่อง “สมรสเท่าเทียม” และความเสมอภาคทาง “เพศ”
นักการเมืองฝ่าย “ตรงข้าม” หยิบมาเป็น “ประเด็น” อย่างคึกคัก
แต่พลันที่ ต่าย ชุติมา ออกโรงแถลงอย่าง “ผู้ใหญ่” ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเป็นอย่างดี และยืนยันในความเข้าใจและสายสัมพันธ์อันดี
กรณี “ต่าย ชุติมา” ก็พังครืนเหมือน “ปราสาททราย”
จากกรณี “งานศพพ่อ” มายังกรณี “ต่าย ชุติมา” ให้ บทเรียนอย่างไรในทางการเมือง
บทเรียน 1 กระบวนการขุดคุ้ยและโจมตีมิได้อยู่บนฐานแห่งความเป็นจริงอย่างจริงแท้ หากแต่เป็นการแปลงสารและตีความตามใจตัวเอง
นั่นก็คือ หยิบเอา “ข่าวปลอม” มาเป็น “เครื่องมือ”
บทเรียน 1 เป็นเครื่องสอนใจให้รู้ว่า การทำความเข้าใจในเรื่องแบบนี้ต้องไม่เอาโคลนไปล้างโคลน หากแต่ต้องเอาน้ำสะอาดไปล้างจึงจะส่งผลอย่างเป็นคุณ
ใน “ความมืด” เมื่อ “ความสว่าง” แสดงตัวทุกอย่างก็เรียบร้อย
ปมเงื่อนอยู่ที่ว่าเมื่อประสบกับการเล่นงานทางการเมืองจะมีท่าทีรับมืออย่างไร
เด่นชัดยิ่งว่า ไม่ว่ามองผ่านพรรคก้าวไกล ไม่ว่ามองผ่าน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ยืนหยัดในหลักการ “ตรงไปตรงมา” ที่ยึดกุมอยู่อย่างมั่นแน่ว
จึงสามารถตีฝ่า “มรสุม” ที่กระหน่ำลูกแล้วลูกเล่าได้