สถานการณ์ “รองหัวหน้าพรรค” ยังไม่จบ สถานการณ์ “สุราษฎร์ฯ” ก็ประดังเข้ามาอีก
หากมองอย่างเปรียบเทียบก็มีทั้งรายละเอียดที่เหมือนและแตกต่าง โดยเฉพาะระยะห่างของเรื่องราวที่เกิดขึ้น
แต่ลักษณะ “ร่วม” อันแหลมคมยิ่งก็คือ เรื่องของ “กาม”
กรณีอันเกี่ยวกับ “รองหัวหน้าพรรค” ค่อยๆ เงียบลงไปแล้วโดยพื้นฐานกระทั่งกลายเป็นเรื่องส่วนตัวของ นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อย่างเต็มพิกัด
แต่กรณีของ “สุราษฎร์ฯ” ทำท่าว่าอาจ “บานปลาย”
สภาวะบานปลายของเรื่องราวอาจจับได้จาก “อาการ” ของ “โฆษกพรรค”เป็นหมุดหมาย
นั่นก็คือ อาการที่ปัดเรื่องออกห่างจากพรรคละม้ายเหมือนเป็นอย่างยิ่งกับอาการเมื่อประสบเข้ากับกรณีของ นายปริญญ์ พานิชภักดิ์
นั่นก็คือ อาการ “เกรี้ยวกราด” อย่างเห็นได้ชัด
ขณะที่บทบาทของ “ตำรวจ” กลับไม่ไปในหนทางเดียวกันกับของพรรคประชาธิปัตย์ ตรงกันข้าม ยิ่งผ่านไปหลายวัน “รายละเอียด” ยิ่งปรากฏ
โยงสายยาวไปจนถึงกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ถามว่ากระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์อยู่ในโควตาของใคร
พลันที่นามของ นายจุติ ไกรฤกษ์ ปรากฏขึ้น ไม่เพียงแต่จะเป็นรองหัวหน้าพรรค หากแต่ก่อนหน้านี้ยังเคยดำรงตำแหน่งเป็นเลขาธิการพรรค
ครานี้แสงแห่งสปอตไลต์ก็เริ่มฉายจับ
ในเมื่อบทบาทของ “รองอธิบดี” มีรากฐานมาจาก “สุราษฎร์ธานี” ในเมื่อผู้ถูกกล่าวหาคนหนึ่งมีนามสกุลเดียวกันกับคนของพรรคประชาธิปัตย์
ตรงนี้แหละที่ทำให้กลายเป็นความแหลมคม
หลายคนให้ความเห็นใจต่อ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคเป็นอย่างสูง
ไม่ว่าจะเป็นกรณีของ นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ ไม่ว่าจะเป็นมรสุมระลอกใหม่อันโครมครืนมาจากสุราษฎร์ธานีล้วนกระทบต่อพรรคประชาธิปัตย์
ไม่ “โดยตรง” ก็อ้อมเกาะสมุยมาอย่างรุนแรง