คลิปจากจังหวัดหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือกำลังส่งผลสะเทือนเป็นอย่างสูง
เนื่องจากเป็น “คลิป” ที่ผู้สมัครคนหนึ่งแห่งพรรคก้าวไกล ตื๊อถาม “ชาวบ้าน” ที่ปฏิเสธต่อการเชิญชวนทางการเมืองให้ไปร่วมการเคลื่อนไหว
เนื่องจากเป็นการปฏิเสธพร้อมกับถามถึง “เงิน”
หากมองตามความเป็นจริง นี่เป็นท่วงท่าและอาการอันซื่อสัตย์และตรงไปตรงมายิ่งของชาวบ้านในบรรยากาศแห่งการหาเสียง
บังเอิญเป็นเรื่องที่เกิดกับผู้สมัครจากพรรคก้าวไกล
ต้องยอมรับว่ามิได้เป็นพื้นที่ “อีสาน” เท่านั้นที่ “เงิน” เข้ามามีบทบาทในการหาเสียง
แม้กระทั่งในบางพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร “เงิน” ก็เป็นปัจจัยอันขาดมิได้ และเป็นเรื่องที่ธรรมดาอย่างปกติยิ่งในทางการเมือง
เป็นเรื่องที่ใครๆ ก็ทำกัน เป็นเรื่องที่พรรคไหนก็ทำกัน
เพียงแต่เมื่อเกิดขึ้นกับผู้สมัครจากพรรคก้าวไกลเท่านั้นหรอก เรื่องนี้จึงกลายเป็นความไม่ปกติ และเมื่อมีการนำมาเผยแพร่ก็กลายเป็นเรื่อง
เกิดอาการหนาวร้อนกันอย่างถ้วนหน้า
คำถามก็คือ เหตุใดความเป็นปกตินี้จึงกลายเป็นความแปลกแปร่งในทางการเมือง
คำตอบอันตรงเป้าที่สุดก็คือ เมื่อพรรคอนาคตใหม่ปรากฏตัวในการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 เป็นต้นมา
เพราะพรรคอนาคตใหม่ ไม่มี “หัวคะแนน” และมิได้ใช้ระบบนี้
หากมีการถกเถียงถึงเรื่องการซื้อเสียงแทบทุกพรรคการเมืองที่อุดมไปด้วย “บ้านใหญ่” ล้วนพูดไปหลบสายตาไป ไม่กล้าสบโดยตรง
จาก “อนาคตใหม่” มายัง “ก้าวไกล” ก็เป็นเช่นนี้
หากมองว่าภาพของพรรคก้าวไกลเช่นนี้คือภาพแห่งความเป็น “สุดโต่ง” ทางการเมือง
ก็ต้องย้อนกลับไปสู่ความเป็น “ปกติ” ของการเมืองดำรงอยู่อย่างไร หากหยั่งลงไปในความเป็นจริงของการใช้เงินของแต่ละพรรคการเมือง
บางทีลักษณะ “สุดโต่ง” อาจเป็นของพรรคการเมืองอื่น