อย่าได้แปลกใจหากจะมี “คำถาม” ต่อการเปลี่ยนขั้วของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน

แม้จะมองจากเส้นทางการเมืองของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน นับจากที่เป็นส.ส.เมื่อเดือนกรกฎาคม 2526 เป็นต้นมาก็ถือเป็นเรื่องปกติ

ยิ่งหากมองจากการเคยอยู่ “ไทยรักไทย” มาก่อนก็มิได้แปลก

เนื่องจากในห้วงที่อยู่พรรคไทยรักไทยก็เคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์อันถือว่าเป็นกระทรวงเกรด A

การจะหวนกลับมาอยู่ “เพื่อไทย” จึงง่ายดาย

เมื่อมองผ่าน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ไปยัง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ยิ่งเป็นไปได้

ต้องยอมรับว่าฐานะของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ในพรรคไทยรักไทยเป็นถึงระดับเลขาธิการพรรค เป็นถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

ได้รับความไว้วางใจเป็นอย่างสูง

สถานการณ์รัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 สถานการณ์เมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 อาจทำให้เกิดการแปรเปลี่ยน

แต่ก็หวนกลับได้ในการเลือกตั้งเดือนพฤษภาคม 2557

การเปลี่ยนจากเดือนกันยายน 2549 มาเดือนพฤษภาคม 2557 นั่นแหละสำคัญ

สำคัญเพราะว่าเป้าหมายคือการบดขยี้และทำลายพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน และรวมถึงพรรคเพื่อไทย

โดย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน เข้าไปเป็น “องค์ประกอบ” หนึ่ง

เป็นองค์ประกอบอย่างสำคัญภายในพรรค พลังประชารัฐ และมีส่วนอย่างสำคัญในการต่อท่ออำนาจให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

แล้ววันนี้ก็แปรเปลี่ยนมาอยู่พรรคเพื่อไทย

อย่าได้แปลกใจหากบรรดา “ยอดคำเท่” ของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน จะถูกฟื้นคืน

ไม่ว่าจะเป็นถ้อยคำ “รัฐธรรมนูญฉบับนี้ DESIGN มาเพื่อพวกเรา” ไม่ว่าจะเป็นการฟอกขาวให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก่อนการเลือกตั้งปี 2562

นี่แหละคือกงกรรมอันเหมือนกับกงเกวียน