บทบาทของ น.ส.วรรณวิภา ไม้สน ในการอภิปราย “งบประมาณ” น่าทึ่งอย่างยิ่ง
น่าทึ่งหากนำไปเทียบกับ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ซึ่งจบจากสหรัฐ น่าทึ่งหากนำไปเทียบกับ สุรเชษฐ์ ประวีณวุฒิวงศ์ ซึ่งจบจากเอไอที
เนื่องจาก “วรรณวิภา” เป็น “ผู้ใช้แรงงาน”
ยิ่งนำเอาการอภิปรายในขณะที่ยังเริ่มเหยียบบาทก้าวเข้าสู่พรรคอนาคตใหม่เปรียบเทียบกับเมื่อคืนวันที่ 31 พฤษภาคม ยิ่งเห็นการเปลี่ยนแปลง
เปลี่ยนแปลงและพัฒนาอย่าง “ก้าวกระโดด”
ในสังคมชนชั้นอย่างสังคมไทย การเป็น “ผู้ใช้แรงงาน” ตำ่ต้อยและถูกมองข้าม
เนื่องจากอาศัย“แรงงาน”เป็นเครื่องมือและปัจจัยในการสร้างรายได้ ต้องอาบเหงื่อต่างน้ำ กว่าจะได้มา 10 และ 20 บาทก็เหน็ดเหนื่อยสาหัส
ที่สำคัญรากฐานในทาง“วัฒนธรรม”ก็ต่ำเตี้ย เรี่ยดิน
ทุกพรรคการเมืองล้วนออกมาสดุดี “ผู้ใช้แรงงาน” ต้องการกำลังในทางการเมืองจาก “ผู้ใช้แรงงาน”มาเป็นเครื่องมือในการต่อสู้
แต่มีน้อยที่จะเคารพและให้บทบาทอย่างเป็นจริง
กรณีของ น.ส.วรรณวิภา ไม้สน จึงเป็น “กรณีตัวอย่าง” เมื่อมองอนาคตใหม่ ก้าวไกล
ไม่เพียงแต่พรรคอนาคตใหม่จะอ้าแขนต้อนรับและมอบบทบาทให้เป็นอย่างดี หากยังใช้กลไกที่ดำรงอยู่ภายในในการบ่มเพาะและสร้างตัวตนใหม่
ทำ “ชนชั้นคนงาน” ให้ไม่ต่างไปจาก “ปัญญาชน”
ด้านหนึ่ง ต้องยอมรับในปัญญาและความสามารถของ น.ส.วรรณวิภา ไม้สน แต่ด้านหนึ่ง ก็ต้องยอมรับในกระบวนการหล่อหลอมของพรรค
น.ส.วรรณวิภา ไม้สน จึงสำแดง “สมรรถ ภาพ” ออกมาอย่างภาคภูมิ
ภายในกระบวนการแสดงออกของ น.ส.วรรณวิภา ไม้สน จึงคือการหล่อหลอม
หล่อหลอมธาตุดีที่ดำรงอยู่ของชนชั้นแรงงานที่มากด้วยความอดทน ยืนหยัด ประสานเข้ากับพัฒนาการใหม่ในทางความคิดในทางการเมือง
กลายเป็น “วรรณวิภา”ใหม่ กลายเป็น รูปธรรม “การเมือง” ใหม่