แรกที่ นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ร่วมโต๊ะ นายพิเชษฐ สถิรชวาล คนอาจหัวร่อ
หัวร่อว่าเป็น “ภาพ” ของการปั่นสถานการณ์เป้าหมายในที่สุดแล้วกลับจะเป็นการเพิ่มมูลค่าทางการเมืองให้กับฝ่ายหลังมากกว่า
อย่างน้อยก็สามารถไป “ต่อรอง” กับ “กลุ่มอำนาจ”
น้ำเสียงอันก้องกังวานมาจากภายใน “ทำเนียบรัฐบาล” น้ำเสียงอันประสานมาจากบางส่วนภายใน “พรรคร่วมรัฐบาล” ดำเนินไปอย่างเยาะหยัน
แต่แล้วการ “เลื่อน” การลงนามโครงการ “อีอีซี” ก็บังเกิด
ทุกก้าวย่างที่ นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ดำเนินสะท้อนภาพการเมือง “เก่า” อย่างเด่นชัด
เป็นการเมืองอันสะท้อนการเคลื่อนไหวทะลวงเข้าไปใน “กลุ่มย่อย” ของรัฐบาล เป็นการเมืองอันสะท้อนการแลกเปลี่ยนข้อมูล “ลึกแต่ไม่ลับ” ให้เป็นที่ปรากฏ
ทางหนึ่ง ก็เท่ากับไปช่วยเพิ่ม “มูลค่า” ให้กับ “บางคน” บางฝ่าย
ขณะเดียวกัน ทางหนึ่ง ก็เท่ากับเป็นการส่งสัญญาณ “เตือน” ไปยังภายในของรัฐบาลที่แวดล้อมอยู่โดยรอบร่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ยืนยันสภาพและความเป็นอนิจจังในทางการเมือง
ไม่ว่า นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ไม่ว่า นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ใช้ทุกจุดอ่อนเป็นประโยชน์
มองเห็นคุณจากการแตะมือไปยัง นายพิเชษฐ สถิรชวาล ซึ่งดำรงอยู่ทั้งในสถานะหัวหน้า “กลุ่ม 16” และเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ
แม้กระทั่งคนของพรรคเศรษฐกิจไทยก็พร้อมคุยด้วย
อย่างน้อยแต่ละก้าวย่างในทางการเมืองอันมี นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร เป็นหัวหมู่ทะลวงฟันคือ การเสี้ยมและทะลวงเข้าไปในรัฐบาล
ผลก็คือ ล่าสุดมี “พรรคเศรษฐกิจใหม่” ปรากฏขึ้น
ทุกกลยุทธ์ที่ปรากฏเป็นการเล่นการเมืองในบรรยากาศ “น้ำเน่า” ทางการเมืองเด่นชัด
เป้าหมายมิได้ปิดบังอำพราง นั่นก็คือ แตะมือเข้าไปในส่วนที่แตะได้ในสายสัมพันธ์ที่มีอยู่และหว่านเมล็ดพืชแห่งความหวาดระแวงให้บังเกิดและแพร่กระจาย
เขย่าขวัญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างต่อเนื่อง