ถามว่าปัจจัยอะไรทำให้พรรคก้าวไกลทะยานขึ้นมาอยู่ในจุดเหนือกว่าพรรคเพื่อไทย
ทั้งๆ ที่พรรคเพื่อไทยสืบทอดความสำเร็จและความจัดเจนจากพรรคไทยรักไทย จากพรรคพลังประชาชน ตั้งแต่การเลือกตั้งเดือนมกราคม 2544
แต่เพียง 2 ปีพรรคก้าวไกลก็ขึ้นมาเป็นอันดับ 1
นี่ย่อมเป็นสถานะเดียวกันกับที่พรรคไทยรักไทยเคยยึดครองและแสดงความเหนือกว่าพรรคประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งเมื่อ 22 ปีก่อน
เป็นไปตามบทสรุปของ โทนี่ วู้ดซัม
คำตอบในลักษณะ “ร่วม” อันสำคัญและตรงเป้าอย่างที่สุดเริ่มต้นจาก “ความชัดเจน”
ความชัดเจนนั่นแหละที่ทำให้สถานะทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยเกิดการแปรเปลี่ยน จากที่เคยนำหน้ากลายเป็นตกเป็นรองและตั้งรับ
นั่นก็เนื่องจาก “มีลุงไม่มีเรา มีเราไม่มีลุง”
นี่คืออาวุธอันออกจากปาก นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ในห้วงกลางเดือนเมษายนและส่งผลให้สถานะของพรรคก้าวไกลทะยานครองความเหนือกว่า
กระทั่งยึดกุม 14 กว่าล้านเสียงผ่าน “คะแนนรวม”
แม้จะมีคำตอบจาก “คลับเฮาส์” แคร์ คิด เคลื่อน ไทย เมื่อคืนวันที่ 16 พฤษภาคม
กระนั้น หากติดตามแต่ละ “ความเห็น” จากแต่ละองค์ประกอบของพรรคเพื่อไทยก็ดำเนินไปอย่างแตกต่างกันอันจะกลายเป็น “ปัญหา”
นั่นก็คือ มิได้มองว่ามาจากพรรคเพื่อไทย หากมองว่าเป็นพรรคการเมืองอื่น
เป็นการปั่นขึ้นของฝ่ายตรงกันข้าม เป็นปฏิบัติการ “ไอโอ” ทางด้านการข่าวทุ่มทุนอย่างอลังการงานสร้างเพื่อทำลายพรรคเพื่อไทย
เป็น “นิ้ว” อันชี้ไปสู่ “ภายนอก” ออกจาก “ภายใน”
หากพรรคเพื่อไทยไม่สามารถหา “คำตอบ” บนพื้นฐานแห่งความจริงได้อย่างเป็นจริง
โอกาสที่จะปรับทัพจัดขบวนเพื่อหวนกลับเข้าสู่ความรุ่งเรืองอย่างที่เคยเป็นในยุคพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชนก็อาจจะริบหรี่
โอกาสที่จะถูก “ดิสรัปต์” ก็สูงเป็นอย่างสูงยิ่ง