คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง
จังหวะ การเมือง
จังหวะก้าว พลังประชารัฐ
เผชิญ “ไทยภักดี”
การตัดสินใจ “โค้งสุดท้าย” ของพรรคพลังประชารัฐมีลักษณะเป็น “เดิมพัน” ทางการเมือง
นั่นก็เห็นได้จากการชูว่าชัยชนะของ นางสรัลรัศมิ์ เจนจาคะ ในจตุจักร หลักสี่ เท่ากับเป็นชัยชนะของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นี่ย่อมเป็นเรื่อง “หวาดเสียว” เป็นอย่างสูง
ลำพังการเน้นให้เห็นว่าชัยชนะของ นางสรัลรัศมิ์ เจนจาคะ เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับชัยชนะของ นายสิระ เจนจาคะ ก็หวาดเสียวเป็นอย่างสูงอยู่แล้ว
นี่ยังจะดึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาลงมาด้วย
ถามว่าเป้าหมายการลงสมัครของ “พรรคไทยภักดี” มีรากฐานมาอย่างไร
หากมองจากการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องของ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ตั้งแต่อยู่พรรครวมพลังประชาชาติไทยกับก่อนออกมาจัดตั้งพรรคไทยภักดี
เด่นชัดยิ่งว่าอยู่ที่พวก “สามกีบ” อยู่ที่พวก “ชังชาติ”
แต่การตัดสินใจส่ง นายพันธุ์เทพ ฉัตรนะรัชต์ ลงสมัครรับเลือกตั้งจนได้เบอร์ 1 ในเขตจตุจักร หลักสี่ ได้เพิ่มเป้าหมายมาอีกเป้าหมายหนึ่ง
นั่นก็คือ ต้องการโค่นตัวแทนของ นายสิระ เจนจาคะ
ความน่าสนใจอยู่ที่กระบวนท่าของพรรคไทยภักดี กับของพรรคพลังประชารัฐ
ไม่ว่าจะออกมาจากปาก นางสรัลรัศมิ์ เจนจาคะ แห่งพรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าจะออกมาจากปาก นายพันธุ์เทพ ฉัตรนะรัชต์ แห่งพรรคไทยภักดี
ยืนยันชูภาพ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขึ้นสูงเด่น
ขณะที่เป้าหมายของพรรคไทยภักดีก็เสนอคำขวัญสุดเฉียบว่าต้องการสกัดขัดขวาง นักการเมืองกุ๊ย นักการเมืองกร่าง ไม่ให้มีที่ยืนในจตุจักร หลักสี่
ใครๆ ก็รู้ว่าต้องการขวาง “ใคร” และคนของผู้ใด
การต่อสู้ทางการเมืองในพื้นที่จตุจักร หลักสี่ ของพรรคพลังประชารัฐ พรรคไทยภักดี
จึงเท่ากับเป็นการดึงเอาภาพของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาเป็นอาวุธในทางการเมืองเพื่อกำจัดคู่สัประยุทธ์เฉพาะหน้าในทางการเมืองของตน
สถานการณ์นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวร่อมิได้ ร่ำไห้มิออก
