คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง
คำถาม สุดโต่ง ท่าที จาก “ประชาธิปัตย์” พริษฐ์ วัชรสินธุ
เหตุผลอะไรทำให้พรรคประชาธิปัตย์มองเห็น นายพริษฐ์ วัชรสินธุ เป็นพวก“สุดโต่ง”
มิใช่เพราะการลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ ภายในพรรคประชาธิปัตย์มีมติเข้าร่วมและขานชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี
เพราะมตินี้ก็มี “ปฏิกิริยา”จาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
การเข้าเป็น“แกนนำ”ในกลุ่ม “รี-โซลูชั่น”ของ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ต่างหากที่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์มองเห็นว่า นายพริษฐ์ วัชรสินธุ เป็นพวก“สุดโต่ง”
จึงถีบให้ไปอยู่ในกลุ่มเดียวกันกับ “สามกีบ”
คําถามที่ตามมาก็คือ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ เป็นพวก“สุดโต่ง”ในทางการเมืองจริงหรือ
เป็นเพราะแนวคิดในเรื่อง“สภาเดี่ยว”อย่างนั้นหรือ เป็นเพราะแนวคิดว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องสามารถทำได้ไม่ว่าหมวด 1 หมวด 2 หรือ
คำถามก็คือ เคยมีการแก้ไข“รัฐธรรมนูญ”มา หรือไม่
คำตอบอย่างเป็นรูปธรรมก็คือ เคยมีการแก้ไขเพิ่มเติม “รัฐธรรมนูญ”มาแล้วหลายครั้งหลังประชามติเดือนสิงหาคม 2559
หลังการประกาศและบังคับเมื่อเดือนเมษายน 2560
ทุกอย่างดำเนินไปเหมือนที่ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ เห็นว่า การคืนความเป็นปกติกลับมา
เหตุผลเพราะว่า วิถีทางในทางความคิดและในทางการเมืองของสังคมไทยนับแต่รัฐประหารเมื่อปี 2549 กระทั่งเมื่อปี 2557 สุดโต่งเกินไป
เพียงการส่งเสียงของ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ จึงเป็นเรื่องไม่ปกติ
คนที่ผ่านการเคี่ยวกรำมาจาก “ออกซ์ฟอร์ด”คนนี้หรือที่เป็นพวก“ซ้ายจัด” คนที่เคยเป็นผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์คนนี้หรือที่เป็นพวก “สุดโต่ง”
แทนที่จะชี้ใส่ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ การมองตัวเองไม่เหมาะกว่าหรือ
พลันที่คนอย่าง นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ถูกมองเป็น“ซ้ายจัด” นี่ซิที่เป็นเรื่องแปลก
พลันที่พรรคการเมืองที่เคยประกาศหลักการ “เสรีนิยม”ไปเกาะแข้งเกาะขาอยู่กับผลประโยชน์ของรัฐประหารและพิทักษ์ 250 ส.ว.
คำถามนี้ควรถามพรรคประชาธิปัตย์มากกว่า