การเกิดขึ้นของพรรครวมไทยสร้างชาติ ก่อผลสะเทือนลึกซึ้ง กว้างไกล
ไม่เพียงแต่มีข่าว นายสุชาติ ชมกลิ่น ผู้อำนวยการพรรคพลังประชารัฐ จะไหลเข้าไปดำรงอยู่ในฐานะ “เลขาธิการพรรค” เท่านั้น
หากแม้กระทั่ง นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล ก็จะไหลไปด้วย
นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล มิได้เป็นอดีต ส.ส.ตรังของพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น หากแต่ยังทำงานในทีมของ นายชวน หลีกภัย อยู่ในวันนี้อีก
เท่ากับเป็นการบ่อนเซาะใต้ “บัลลังก์” ของ นายชวน หลีกภัย
ข่าวของพรรคประชาธิปัตย์ในวันนี้จึงเซ็งแซ่ไปด้วยข่าวของการไหลออก
ลำพังการออกของ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ไปอยู่ในตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และผันตัวเองเข้าไปอยู่ในตำแหน่งหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ
ก็ก่อความสะเทือนใจเป็นอย่างสูง
ยังมี นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ก็ยื่นใบลาออกและได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี บนเส้นทางเดียวกันกับ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค
ที่สุดก็จะเป็น “มือเศรษฐกิจ” ของพรรครวมไทยสร้างชาติ
อาจกล่าวได้ว่าการมาของพรรครวมไทยสร้างชาติก่อสภาพระเนระนาดทางการเมือง
เป็นการระเนระนาดภายในพรรคพลังประชารัฐ เพราะแน่นอนอยู่แล้วว่า 14 ส.ส.ภาคใต้จะต้องแยกตัวไปเป็นส่วนหนึ่งของพรรครวมไทยสร้างชาติแน่นอน
เพราะได้เป็นส.ส.โดยบารมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ก็มีข่าว นางพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล มีข่าวของ นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู และข่าวของ น.ส.รังสิมา รอดรัศมี
พรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ จึงเจ็บระบม
การเติบใหญ่ของพรรครวมไทยสร้างชาติจึงเป็นการเติบใหญ่โดยตกปลาจากบ่อเพื่อน
ขณะที่พรรครวมไทยสร้างชาติผงาดขึ้นเป็นฐานให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ ก็ต้อง “เสียสละ”
อยู่ในภาวะกลืนเลือด วันแล้ววันเล่า คนแล้วคนเล่า