ความเครียด เป็นสภาวะของอารมณ์ที่ใครๆ ก็เป็นได้ ความเครียดสามารถเกิดขึ้นกับคนได้ไม่เลือกเพศ ไม่เลือกวัย และก็ไม่เลือกเวลา หากเรากำลังเผชิญกับปัญหาต่างๆ จนนำมาซึ่งความไม่สบายใจ วิตกกังวล หรือกดดัน มันก็ทำให้เกิดความเครียดขึ้นได้โดยไม่รู้ตัว
ยิ่งกับคนวัยทำงานแล้ว ความเครียดยิ่งเกิดขึ้นได้อย่างง่ายดายมาก ทุกการขยับตัวของคนทำงานอาจมีความเครียดเรื่องงานเข้ามากล้ำกรายได้เสมอ โดยที่คนเราก็มักจะแสดงปฏิกิริยาตอบสนองต่อความเครียดไม่เหมือนกันด้วย อาจจะแสดงออกทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์และพฤติกรรมหลายรูปแบบ และก็อาจจะแสดงออกมาโดยขาดสติรู้ตัวแบบที่ระงับตัวเองไม่ทันเลยก็มี
ฉะนั้น นั่งๆ ทำงานอยู่ อย่าปล่อยให้ตัวเองมีความเครียดมากขนาดที่เป็นปัญหาและอุปสรรคต่อการทำงานเลย Tonkit360 มีวิธีลดความเครียดจากการทำงานในช่วงระหว่างวันมาฝากกัน หวังว่าวิธีต่างๆ เหล่านี้จะช่วยให้แต่ละคนทำงานได้ราบรื่นขึ้นในแต่ละวัน
วิธีลด “ความเครียด” จากการทำงานในช่วงระหว่างวัน
- วางแผนบริหารงานและเวลาก่อนเริ่มงานทุกวัน
ก่อนจะเริ่มนั่งทำงานทุกเช้า ลองสละเวลามาวางแผนชีวิตทำงาน 8 ชั่วโมงของวันนี้สัก 10 นาทีดูสิ (หรือจะมี to do list สิ่งที่ต้องทำในแต่ละวันก็จะดีมาก) หลักการก็คือจัดระเบียบชีวิตและความคิดของตัวเองก่อนที่จะเริ่มต้นทำงาน มันจะทำให้รู้ว่าวันนี้ต้องทำอะไรบ้าง อันนี้เสร็จแล้วจะทำอะไรต่อ เมื่อไรที่ต้องพัก และเลิกงานเมื่อไร คนทำงานเป็นเขาจะบริหารจัดการทั้งงานและเวลาอย่างชาญฉลาด แบบที่ได้ทั้งประสิทธิภาพและประสิทธิผล นั่นทำให้เขาไม่จำเป็นต้องทำงานหนักชนิดหามรุ่งหามค่ำ แบบที่ต้องแลกมาด้วยสุขภาพกาย สุขภาพจิต และชีวิตส่วนตัวที่หายไป
- ขยับร่างกายบ่อยๆ
รู้สึกเครียดมาก คิดอะไรไม่ออก ให้เปลี่ยนอิริยาบถ ไปเคลื่อนไหวร่างกายให้กระปรี้กระเปร่าและสดชื่น คือแค่ลุกออกจากโต๊ะทำงานไปยืดเส้นยืดสาย แกว่งขาแกว่งแขน เดินขึ้นลงบันไดสัก 2-3 รอบ ถ้าทำงานอยู่บ้านก็ลุกไปเล่นกับสัตว์เลี้ยงก็ได้ ก็ช่วยกระตุ้นให้ฮอร์โมนแห่งความสุขได้ทำงานบ้างแล้ว เราก็จะผ่อนคลายความเครียดลง หลุดโฟกัสเรื่องเครียดๆ ไปด้วยในช่วงเวลาสั้นๆ แต่ถ้าใครเล็งเห็นผลระยะยาว ขอแนะนำนอกเหนือไปจากการขยับร่างกายบ่อยๆ ระหว่างวัน เป็นการออกกำลังกายอย่างจริงจังหลังเลิกงาน ไม่นานจะได้เห็นผลลัพธ์ที่ดีด้านสุขภาพจิตแน่นอน
- ทำสมาธิ
เมื่อใดก็ตามที่เริ่มรู้สึกว่าตัวเองรับมือกับความเครียด ความกดดันตรงหน้าไม่ได้ เหมือนมีก้อนอะไรหนักๆ มากดทับ จนรับรู้ได้ว่าตัวเองอาจจะกำลังสติแตกในไม่ช้า อย่าฝืนตัวเอง เพราะการจมอยู่กับความเครียด ที่อะไรๆ ก็ตึงไปหมดทุกด้าน ยิ่งทำให้เราไม่อยากทำอะไรอย่างอื่นเลย วิธีที่ดีที่สุดคือต้องจัดการกับความหนักความหน่วงนี้ก่อน ด้วยการตั้งสติหรือทำสมาธิ ขอเวลาสั้นๆ เพียงแค่ 5 นาที ก็เพียงพอแล้ว และการทำสมาธิที่ว่าก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องนั่งสวดมนต์ ประนมมือ ขัดสมาธิมือขวาทับมือซ้ายแบบนั้นสักหน่อย! มีรูปแบบการทำสมาธิแบบอื่นๆ อีกมากมาย
- ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม อ่านหนังสือในช่วงพัก
ถึงเวลาพักก็ต้องพัก เพราะเวลาที่เราใช้ในการทำงานยาวๆ ติดกันนานๆ น่ะ ถูกออกแบบมาแล้วว่ามันดันทุรังหรือฝืนสมรรถภาพของร่างกายได้เต็มที่เท่านี้ ถ้ายังฝืนทำงานต่อทั้งที่ร่างกายปฏิเสธที่จะทำแล้ว มันยิ่งทำให้เราเข้าสู่โหมดกดดันตัวเองแล้วก็เครียดมากกว่าเดิม เพราะฉะนั้น เวลาพักก็อย่ามัวโอ้เอ้ รีบกินข้าวกินปลา มีเวลาเหลือก็นั่งดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม หรืออ่านหนังสือที่ชอบ สนุกกับอะไรก็ทำไปเลยเอาให้เต็มที่ พาตัวเองออกมาจากงานตรงหน้าให้ได้ช่วงเวลาพักก็ทำตามใจตัวเองบ้าง รักงานได้ แต่อย่าลืมรักตัวเองด้วย เครียดมากๆ ไม่ดีต่อสุขภาพนะ
- งีบหลับ
คนไทยอาจจะไม่คุ้นชินกับการงีบหลับช่วงสั้นๆ ระหว่างวัน เมื่อรู้สึกว่ากำลังจะหมดพลังชีวิตในการทำงาน เพราะฉะนั้น ถ้าเผลอทำอาจทำให้คนอื่นเข้าใจผิดว่าเราขี้เกียจหรือแอบอู้งาน แต่ในต่างประเทศเขาทำกันเป็นวัฒนธรรมเลยทีเดียว นี่จึงไม่ใช่เรื่องที่ทำเล่นๆ มีงานวิจัยที่ศึกษาว่าการงีบในตอนกลางวันนั้นช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน แถมยังช่วยให้มีความสุขและอายุยืนขึ้นอีกด้วย เรื่องของเรื่องคือมันเราอาจจะรู้สึกง่วงหลังมื้อกลางวัน ฉะนั้น ถ้าง่วงก็นอนเถอะ แค่ 10-20 นาทีก็เพียงพอแล้ว ส่วนช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการงีบกลางวัน คือระหว่าง 12.00-15.00 น.