อีกเทรนด์หนึ่งที่หลายๆ สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ อย่าง iPhone 16 มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุสูง แต่การชาร์จแบตฯ ให้เต็มอาจใช้เวลานานถึง 4 ชั่วโมง หากใช้วิธีชาร์จแบบช้า แต่ไม่ต้องกังวล! เพราะ iPhone 16 รองรับการชาร์จเร็วทั้งแบบใช้สาย USB-C และแบบไร้สาย MagSafe ชาร์จจาก 0% ถึง 50% ได้ใน 30 นาที และเต็ม 100% ใน 2 ชั่วโมง
แต่เราจะมีวิธีทำให้ชาร์จไฟให้ตรงตามแรงที่กำหนดนี้ต้องทำอย่างไร วันนี้เรามาหาคำตอบกัน
วิธีสังเกตว่าชาร์จช้าเกินไป?
- สังเกตเวลาที่ใช้ชาร์จจาก 0% ถึง 100% ถ้านานหลายชั่วโมง แสดงว่าอุปกรณ์ชาร์จของคุณอาจช้าเกินไป
- iOS 18 จะแจ้งเตือนในหน้าจอ หากคุณใช้ที่ชาร์จช้า เข้าไปที่ Settings -> Battery เพื่อดู กราฟแบตเตอรี่ ช่วงเวลาที่ชาร์จช้าจะแสดงเป็นสีส้ม
วิธีที่จะทำให้ iPhone ชาร์จไฟได้เร็ว
ชาร์จเร็วด้วยสาย USB-C
- iPhone 16 รองรับการชาร์จเร็วสูงสุด 27 วัตต์ ผ่านพอร์ต USB-C
- ใช้ที่ชาร์จ 30 วัตต์ ร่วมกับสาย USB-C (สายที่ให้มาในกล่องก็ใช้ได้) ชาร์จเต็มใน 2 ชั่วโมง
- ที่ชาร์จแนะนำ: Mophie 30 วัตต์, Apple 35 วัตต์ (แบบ 2 พอร์ต)
- ที่ชาร์จ 20 วัตต์ ก็ชาร์จได้เร็ว ใกล้เคียงกับ 30 วัตต์
- iPhone จะดึงไฟสูงสุดแค่ 27 วัตต์ ดังนั้นการใช้ที่ชาร์จเกิน 30 วัตต์ (เช่น ที่ชาร์จ MacBook) จะไม่ทำให้ชาร์จเร็วขึ้น
ชาร์จเร็วแบบไร้สายด้วย MagSafe
- iPhone 16 และ iPhone 16 Pro รองรับการชาร์จเร็วแบบไร้สายด้วย MagSafe รุ่นใหม่
- ใช้ที่ชาร์จ MagSafe รุ่นใหม่ (รองรับการชาร์จเร็ว) ร่วมกับที่ชาร์จ 30 วัตต์
- MagSafe รุ่นใหม่ ชาร์จ iPhone 16 ได้สูงสุด 25 วัตต์ (รุ่นเก่าชาร์จได้แค่ 15 วัตต์)
- การชาร์จแบบไร้สายอาจใช้เวลานานกว่าแบบใช้สายเล็กน้อย เนื่องจากความร้อนที่เกิดขึ้น
เคล็ดลับที่อยากจะบอกต่อ
หากต้องการความเร็วในการชาร์จสูงสุด ควรใช้ที่ชาร์จและสายชาร์จที่ได้มาตรฐาน และตรวจสอบให้แน่ใจว่า iPhone ของคุณรองรับการชาร์จเร็วด้วย
ดังนั้นการชาร์จไฟเร็วแม้ว่จะเป็นผลดีกับการระยะเวลาการใช้งานต่อวันให้นานขึ้น และทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องไฟไม่พอใช้ก็จริง แต่อาจจะต้องแลกกับเรื่องของคุณภาพแบตเตอรี่ที่จะเสื่อมถอยได้เร็วในอนาคตเช่นเดียวกัน เราควรจะกำหนดการชาร์จไฟมือถือให้เหมาะสมกับสถานการณ์จะเป็นการดีทีุ่สดในการทำให้มือถือพร้อมใช้งานครับ