โดยเฉลี่ยแล้วคนเราใช้เวลานอนบนเตียงประมาณ 7 ชั่วโมงในแต่ละคืนในระหว่างการนอนหลับ ร่างกายก็ยังมีการปล่อยน้ำมัน เหงื่อ เซลล์ผิวและแบคทีเรียไปยังหมอน และผ้าปูที่นอนของคุณ ซึ่งส่งผลให้เกิดกลิ่นไม่
พึงประสงค์ซึ่งกำจัดได้ยาก หากรู้ถึงวิธีทำความสะอาดแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดกลิ่น จะช่วยทำให้คุณนอนหลับสบายบนผ้าปูที่นอนเหมือนเป็นผ้าปูที่นอนใหม่

แช่น้ำส้มสายชู คุณสมบัติที่เป็นกรดของน้ำส้มสายชูสีขาวสามารถช่วยตัดและกำจัดแบคทีเรีย และสารตกค้่างที่ก่อให้เกิดกลิ่นในผ้าปูที่นอนของคุณได้ วิธีการก็คือให้ใส่น้ำส้มสายชูสัดส่วน 1 ส่วนต่อน้ำร้อน 5 ส่วน ลงในภาชนะที่เตรียมไว้ จากนั้นนำผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนลงไปแช่อย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง นอกจากนี้คุณยังสามารถเติมน้ำส้มสายชูลงไปในเครื่องซักผ้าและแช่ผ้าก่อนซักได้ ถ้าหลังจากนั้นหมอนมีกลิ่นเหมือนน้ำส้มสายชู ให้ใช้น้ำยาซักผ้า หรือผงซักฟอกที่มีกลิ่นหอมใส่ลงในเครื่องซักผ้า อีกทั้งยังสามารถโรยเบกกิ้งโซดาลงไปได้เล็กน้อยในระหว่างรอบซักเพื่อช่วยขจัดกลิ่นน้ำส้มสายชูที่ยังตกค้างอยู่

ซักในน้ำที่ร้อนขึ้น หลังจากแช่ผ้าปูที่นอนในน้ำส้มสายชูแล้ว ให้เติมน้ำร้อนและผงซักฟอกลงไปในเครื่องซักผ้าที่มีน้ำอุ่นอยู่ จะช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ รวมทั้งให้เติมไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ครึ่งถ้วยลงในผ้าเพื่อช่วยขจัดคราบ และทำให้สีของผ้าสว่างขึ้น และเมื่อจะซักหมอนขอแนะนำให้วางหมอน 2 ใบลงในเครื่องซักผ้าพร้อมกันเพื่อทำให้เครื่องมีความสมดุล

ผึ่งไว้กลางแจ้ง หลังจากซักผ้าปูที่นอนเรียบร้อยแล้ว ให้แขวนผ้าปูที่นอนให้แห้งแบบโดนแสงแดดโดยตรงนานประมาณ 3 ชั่วโมง เนื่องจากรังสีอัลตราไวโอเลตจากดวงอาทิตย์จะฆ่าเชื้อ และฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่หลงเหลืออยู่ นอกจากจะทำให้แห้งเร็วแล้ว ยังทำให้ผ้าปูที่นอนมีกลิ่นหอมสะอาดสดชื่น ซึ่งคุณไม่สามารถได้รับกลิ่นนี้จากน้ำยาปรับผ้านุ่ม

ดูแลหมอน แต่ก่อนจะซักหมอนควรเช็กดูก่อนว่าหมอนของคุณซักในเครื่องซักผ้าได้หรือไม่หมอนขนเป็ด หมอนใยสังเคราะห์มักจะซักด้วยเครื่องได้ หากต้องการให้หมอนนุ่มเวลาปั่นแห้งให้ใส่ลูกเทนนิส 2 ลูกไว้ในถุงเท้าแล้วใส่ลงในเครื่องซักผ้า