วิจัยพบ “โอมิครอน” พันธุ์ย่อยบีเอ.2 ระบาดเร็วในบังกลาเทศ
วิจัยพบ “โอมิครอน” – วันที่ 12 ก.พ. ซินหัว รายงานว่า สถาบันระบาดวิทยา การควบคุมโรค และการวิจัย (ไออีดีซีอาร์) สังกัดกระทรวงสาธารณสุขบังกลาเทศ ยืนยันการตรวจพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 จำนวนมากในประเทศ ที่สามารถแกะรอยไปถึงเชื้อโควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์โอมิครอน สายพันธุ์ย่อยบีเอ.2 (BA.2) ซึ่งมีแนวโน้มติดต่อได้ง่ายกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิมบีเอ.1 (BA.1)
นายเอเอสเอ็ม อาลัมเกียร์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่วิทยาศาสตร์ของสถาบันฯ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัวว่าปัจจุบันเชื้อโอมิครอน สายพันธุ์ย่อยบีเอ.2 เป็นสายพันธุ์ที่ระบาดหนักที่สุดในบังกลาเทศ
นายอาลัมเกียร์ระบุว่าตัวอย่าง 148 รายการ ที่ถูกทดสอบระหว่างวันที่ 1-31 ม.ค. พบเป็นเชื้อไวรัสฯ สายพันธุ์โอไมครอน 118 รายการ (ร้อยละ 80) และเป็นเชื้อสายพันธุ์เดลตา 30 คน (ร้อยละ 20) โดยเชื้อสายพันธุ์โอมคิรอน สายพันธุ์ย่อยบีเอ.1 และสายพันธุ์ย่อยบีเอ.2 เป็นสายพันธุ์ที่พบมากที่สุดในจำนวนตัวอย่างทั้งหมด คิดเป็นร้อยละ 39 และร้อยละ 41
ขณะเดียวกันสถาบันยังตรวจพบสายพันธุ์เดลตา สายพันธุ์ย่อยเอวาย.131 (AY.131) ที่ร้อยละ 18 และสายพันธุ์เดลตา สายพันธุ์ย่อยอื่นๆ ที่ร้อยละ 2 โดยเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน สายพันธุ์ย่อยบีเอ.2 กลายเป็นสายพันธุ์หลักในช่วงครึ่งหลังของเดือนมกราคม 2565 โดยพบที่ร้อยละ 79
ด้านมหาวิทยาลัยการแพทย์บังคาบันดูชีคมูจิบ (BSMMU) ในกรุงธากาของบังกลาเทศ เปิดเผยว่าร้อยละ 82 ของผู้มีผลตรวจโรคโควิด-19 เป็นบวก ช่วงสามสัปดาห์ระหว่างวันที่ 19 ม.ค. ถึงวันที่ 9 ก.พ. ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน
ศาสตราจารย์เอ็มดี ชาร์ฟุดดิน อาห์เหม็ด รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยฯ แบ่งปันผลการศึกษาฉบับหนึ่ง ซึ่งระบุว่าขณะนี้มีการตรวจพบเชื้อไวรัสฯ สายพันธุ์โอมิครอน สายพันธุ์ย่อยบีเอ.1 บีเอ.1.1 และบีเอ.2 มากขึ้น พร้อมอ้างอิงองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่าเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน สายพันธุ์ย่อยบีเอ.2 นั้นสามารถติดต่อกันได้สูง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- โควิด: บังกลาเทศ-แคนาดาป่วย “ทะลุแสน” เป็นประเทศล่าสุด