ความจริงราชวงศ์วินด์เซอร์ที่ปกครองอังกฤษในขณะนี้นั้นเดิมมีชื่อเป็นภาษาเยอรมันคือราชวงศ์ “แซกซ์-โคบวร์ก-โกธา” แต่เมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 ขึ้นปรากฎว่าประเทศเยอรมนีเป็นประเทศศัตรูอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับอังกฤษในมหาสงครามโลกครั้งที่ 1
ดังนั้นพระเจ้าจอร์จที่ 5 กษัตริย์อังกฤษในเวลานั้นจึงเปลี่ยนชื่อราชวงศ์เป็น “วินด์เซอร์” ซึ่งฟังเป็นอังกฤษดีกว่าแซกซ์-โคบวร์ก-โกธาที่ เป็นเยอรมันมากไปหน่อยเมื่อวันที่ 17 ก.ค. 2460 นั่นเอง
เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่าราชวงศ์ของอังกฤษเป็นราชวงศ์ที่สามารถปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยได้ดีที่สุดในโลกอันทำให้ราชวงศ์ของอังกฤษเป็นที่ยอมรับและนิยมชมชอบได้รับความเคารพนับถือจากมหาชนทั่วไปสมเด็จพระนางเจ้าเอลิซาเบธที่ 2 พระบรมราชินี แห่งสหราชอาณาจักรขึ้นครองราชย์เมื่อวันที่ 6 กุ.พ. 2495 ทรงเป็นกษัตรีย์แห่งรัฐเอกราช 16 รัฐ ซึ่งรวมกันเรียกว่าเครือจักรภพอังกฤษ
ครั้นสมเด็จพระนางเจ้าเอลิซาเบธที่ 2 ครองราชย์โดยนับถึงปีนี้เป็นเวลา 69 ปีพระองค์ได้ทรงเป็นประมุขของ 32 ประเทศเนื่องจากอาณานิคมอื่นๆ ของจักรวรรดิอังกฤษได้รับเอกราชเพิ่มขึ้นนั่นเอง
ปัจจุบัน พระองค์ทรงเป็นประมุของค์เดียวในโลกที่ทรงเป็นประมุขแห่งรัฐของชาติเอกราชเป็นจำนวนมาก สมเด็จพระนางเจ้าเอลิซาเบธที่ 2 ทรงดำรงตำแหน่งประมุขแห่งเครือจักรภพอังกฤษ จอมทัพแห่งกองทัพสหราชอาณาจักร และผู้ปกครองสูงสุดแห่งศาสนจักรอังกฤษ แต่ในทางปฏิบัติพระองค์จะทรงใช้อำนาจบริหารทางการเมืองส่วนพระองค์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ตลอดระยะเวลา 69 ปีของการเป็นประมุขแห่งราชวงศ์วินด์เซอร์ของสมเด็จพระนางเจ้าเอลิซาเบธที่ 2ได้เกิดวิกฤติครั้งยิ่งใหญ่เพียง 2 ครั้งซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับลูกสะใภ้และหลานสะใภ้ในเรื่องภายในครอบครัวแห่งราชวงศ์วินด์เซอร์ผ่านทางการสัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ทั้ง 2 ครั้ง ซึ่งสร้างความฉาวโฉ่ให้กับราชวงศ์วินด์เซอร์อย่างมโหฬารเพราะเป็นรายการโทรทัศน์ที่มีผู้ชมทั่วโลกหลายสิบล้านคน
รักส่วนเกินของไดอานา
วิกฤติใหญ่ครั้งแรก เมื่อเจ้าหญิงไดอานาขณะทรงเป็นพระชายาของเจ้าฟ้าชายชาร์ล มกุฎราชกุมารแห่งอังกฤษของราชวงศ์วินด์เซอร์ ทรงให้สัมภาษณ์ในรายการพาโนรามาของสถานีโทรทัศน์บีบีซีเมื่อปี 2538 เป็นการบอกเล่าถึงปัญหาในชีวิตคู่ของพระองค์กับเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ และได้นำไปสู่การหย่าขาดจากกันในเวลาต่อมา
บทสัมภาษณ์ครั้งนี้มีผู้ชมเกือบ 23 ล้านคน และได้นำโศกนาฏกรรมตลอดจนความเปลี่ยนแปลงมาสู่ราชวงศ์วินด์เซอร์ในหลายด้าน เพราะเกิดขึ้นในช่วงที่ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าหญิงไดอานาและเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ พระสวามีได้แยกกันอยู่ แต่ยังไม่หย่าขาดจากกันอย่างเป็นทางการ
ช่วงหนึ่งของการสัมภาษณ์มีการถามเจ้าหญิงไดอานาว่านางคามิลลา พาร์กเกอร์-โบลส์ (ดัชเชสแห่งคอร์นวอลล์ พระชายาองค์ปัจจุบันของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์) คือสาเหตุสำคัญที่ทำให้ชีวิตคู่ของพระองค์กับเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ต้องล้มเหลวหรือเปล่า? เจ้าหญิงไดอานาตอบว่า
“มีเราสามคนอยู่ในชีวิตสมรสนี้ มันก็เลยแออัดไปหน่อย”
นอกจากนี้เจ้าหญิงไดอานายังทรงเปิดเผยเรื่องราวส่วนพระองค์ต่างๆ เช่น การเล่าถึงเรื่องที่ทรงเป็นโรคซึมเศร้า โรคบูลีเมีย และการทำร้ายตัวเอง ตลอดจนเรื่องการมีความสัมพันธ์นอกสมรสกับ พันตรี เจมส์ ฮิวอิตต์ อดีตครูสอนขี่ม้านอกจากนี้ ยังทรงแสดงความข้องใจถึงความเหมาะสมของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ในฐานะกษัตริย์ของอังกฤษ ขณะเดียวกันก็ไม่ทรงเห็นว่าพระองค์จะได้เป็นราชินีของอังกฤษเช่นกัน เนื่องจากไม่ได้รับการสนับสนุนจากคนในราชสำนัก
ต่อมาสมเด็จพระนางเจ้าเอลิซาเบธที่ 2 ทรงมีจดหมายถึงเจ้าชายและเจ้าหญิงแห่งเวลส์ และทรงแนะนำให้ทั้งสองพระองค์หย่าขาดจากกัน โดยเจ้าหญิงไดอานาจะต้องสูญเสียฐานันดรศักดิ์ชั้นเจ้าฟ้า (Her Royal Highness) เนื่องจากมิได้เป็นเจ้าหญิงพระชายาในเจ้าชายแห่งเวลส์อีกต่อไป และให้ใช้พระนาม “ไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์” แต่เพียงเท่านั้นในฐานะที่เป็นพระมารดาของกษัตริย์อังกฤษในอนาคต
เผยปมเหยียดผิวสะเทือนข้ามทวีป
วิกฤติใหญ่ครั้งใหม่ครั้งที่ 2 คือการสัมภาษณ์พิเศษความยาว 2 ชั่วโมงเต็ม แบบเปิดอกครั้งแรกของเจ้าชายแฮร์รี ดยุคแห่งซัสเซกส์และเมแกน มาร์เคิล ดัชเชสแห่งซัสเซกส์ โดยพิธีกรสตรีผิวสีชื่อดัง โอปราห์ วินฟรีย์ ออกอากาศในสหรัฐอเมริกา เมื่อวันอาทิตย์ที่ 7 มี.ค. ที่ผ่านมานี้
เจ้าชายแฮร์รีและเมแกนเล่าถึง ความเย็นชา ไร้ความห่วงหาปรานีในรั้วในวังอังกฤษ และทำให้พวกเขาต้องหนีออกมาจากชีวิตแบบนั้นมาอาศัยอยู่ในสหรัฐ นอกจากนี้เจ้าชายแฮร์รีและเมแกนยังกล่าวหาว่ามีสมาชิกในราชวงศ์อังกฤษเหยียดผิว เหยียดเชื้อชาติและไม่ส่งเสริมสนับสนุนเมแกนในฐานะสมาชิกใหม่ในราชวงศ์อังกฤษ
มิหนำซ้ำยังมีสมาชิกของราชวงศ์อังกฤษบางคนถึงกับออกปากเป็นกังวลถึงสีผิวของพระโอรสของเจ้าชายแฮร์รีและเมแกนเนื่องจากมารดาของเมแกนเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกา เรื่องนี้ถึงกับทำให้เมแกนคิดฆ่าตัวตายจากโรคซึมเศร้าที่มีสาเหตุจากการใช้ชีวิตในราชสำนักอังกฤษ
การสัมภาษณ์ครั้งนี้มียอดผู้ชม 17.1 ล้านคนในการออกอากาศเมื่อวันอาทิตย์ในสหรัฐและอีก 12 ล้านคนในการออกอากาศที่อังกฤษ ถือเป็นการสัมภาษณ์แบบเปิดอกจากสมาชิกราชวงศ์อังกฤษที่มีผู้ชมมากที่สุด
สมเด็จพระนางเจ้าเอลิซาเบธที่ 2 ไม่ได้ทอดพระเนตรรายการสัมภาษณ์ของเจ้าชายแฮร์รี่และเมแกนทางโทรทัศน์ แต่ได้รับทราบรายละเอียดของการสัมภาษณ์ครั้งนี้จากคณะเจ้าหน้าที่ของสำนักพระราชวังในตอนเช้าวันจันทร์ที่ 8 มี.ค. แล้ว แต่เนื่องจากสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 มีพระราชประสงค์ให้ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นนั้นลดระดับลงเสียก่อน จึงได้ลงพระนามในแถลงการณ์และทรงมอบหมายให้สำนักพระราชวังออกแถลงการณ์ต่อสาธารณชน โดยเนื้อหาสำคัญอ้างว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องในครอบครัวและสมาชิกในครอบครัวทุกคนรู้สึกเสียใจที่ได้ทราบถึงปัญหาที่เจ้าชายแฮร์รี่และเมแกนได้เผชิญในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาว่าเป็นอย่างไร พร้อมทั้งเน้นไปที่ เรื่องสีผิว เรื่องเหยีนดผิว เหยียดเชื้อชาติจะมีการพูดกันในครอบครัวเป็นการส่วนตัว ซึ่งเนื้อหาของแถลงการณ์ในตอนท้าย ยังระบุว่า
“เจ้าชายแฮร์รี่ เมแกน และอาร์ชี จะเป็นที่รักของสมาชิกในครอบครัวเสมอ”
ครับ! ราชวงศ์วินเซอร์ก็ยังคงมีความมั่นคงอยู่เหนือบัลลังก์อังกฤษต่อไปอีกนานแสนนานเพราะสามารถปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ได้อย่างแนบเนียนไม่ดึงดันติดยึดกับทัศนคติและขนบประเพณีที่ไม่เป็นประชาธิปไตยของโลกปัจจุบัน