วาง4มาตรการเข้ม ดูแลนักท่องเที่ยว หาดกมลา หลังหนูน้อยลูกครึ่งโดนฉลามกัด เย็บ33เข็ม

Home » วาง4มาตรการเข้ม ดูแลนักท่องเที่ยว หาดกมลา หลังหนูน้อยลูกครึ่งโดนฉลามกัด เย็บ33เข็ม


วาง4มาตรการเข้ม ดูแลนักท่องเที่ยว หาดกมลา หลังหนูน้อยลูกครึ่งโดนฉลามกัด เย็บ33เข็ม

วาง4มาตรการเข้ม ดูแลนักท่องเที่ยว หาดกมลา หลังหนูน้อยลูกครึ่งโดนฉลามกัด เย็บ33เข็ม ขณะที่นักท่องเที่ยว ผู้ประกอบการ ไร้กังวล

วันที่ 3 พ.ค.2565 นายศิวัชฐ์ ระวังกุล นายอำเภอกะทู้ พร้อมด้วย นายจุฑา ดุมลักษณ์ นายกอบต.กมลา และตำรวจท่องเที่ยวภูเก็ต ลงพื้นที่ชายหาดกมลา อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เพื่อจัดชุดลาดตระเวนดูแลนักท่องเที่ยวหลังเกิดเหตุ ฉลามทำร้ายนักท่องเที่ยวหนูน้อยลูกครึ่งชาวยูเครน อายุ 8 ขวบ จนได้รับบัตรเจ็บเมื่อวันที่ 2 พ.ค.2565

โดยบรรยากาศวันนี้ ท้องฟ้าแจ่มใส ทะเลเงียบสงบ มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติยังคงเดินทางมาพักผ่อนเล่นน้ำตามปกติ จากการสอบถามนักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการ ต่างพูดเป็นไปในทำนองเดียวกันว่า หลังจากเกิดเหตุเมื่อวานไม่ได้สร้างความตกใจหรือตื่นตระหนกให้กับนักท่องเที่ยวหรือผู้ประกอบการ

ส่วนมากมีความคิดเห็นว่าเป็นเรื่องสุดวิสัย เพราะที่ผ่านมาก็ไม่ค่อยมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นและเป็นเรื่องของธรรมชาติที่ฉลามทำร้ายคนซึ่งมีโอกาสน้อยมากที่จะเกิดขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาเหตุฉลามทำร้ายนักท่องเที่ยวเพิ่งเกิดเป็นครั้งแรกที่หาดกมลา

นายศิวัชฐ์ ระวังกุล นายอำเภอกะทู้ กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ทางจังหวัดภูเก็ต โดยผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด พร้อมทีมบริหารของจังหวัด และทีมของนายกอบต. กำนันก็ได้วางมาตรการป้องกัน ส่วนการดูแลโดยใช้บีชการ์ด ในการดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวบริเวณชายหาด ตลอด 24ชั่วโมง

ประเด็นที่ 2 เรามีเสียงตามสายคือพูดภาษา 2 ภาษา ภาษาไทยภาษาอังกฤษ ในการแจ้งเตือนนักท่องเที่ยวในความปลอดภัยทุกชนิด ประเด็นที่ 3 โดยเรามีสถานีตำรวจที่อยู่ใกล้ๆ ประเด็นที่ 4 คือขอความร่วมมือผู้ประกอบการ ต่างๆบริเวณชายหาดเป็นหูเป็นตา ให้พวกเราในการดูแลความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวอย่างเข้มงวด

นายไพชยนต์ ดอนลาว นักท่องเที่ยว กล่าวว่า ตนมาจากเชียงราย มาท่องเที่ยวภูเก็ต เพิ่งมาได้เมื่อวานนี้ และเพิ่งจะมาทราบว่ามีเหตุการณ์ฉลามทำร้ายนักท่องเที่ยว เรื่องความกลัวเกี่ยวกับอันตราย ทุกคนก็กลัวอยู่แล้ว แต่ไม่คิดกังวลเพราะว่าคงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้เป็นประจำ และไม่ใช่แค่ประเทศไทยเรา ต่างประเทศก็เคยเกิดเหตุการณ์ในลักษณะแบบนี้เหมือนกัน

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ