เมื่อ 50 ปีก่อน ได้เกิดเหตุทหารอังกฤษยิงใส่ผู้ชุมนุมเรียกร้องสิทธิพลเมืองของประชาชนที่ไร้อาวุธในเมืองลอนดอนเดอร์รี ของไอร์แลนด์เหนือ เมื่อ 30 ม.ค. 1972 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 13 คน และบาดเจ็บ 15 คน
เหตุการณ์ดังกล่าวถูกเรียกขานว่า “วันอาทิตย์ทมิฬ” หรือ “วันอาทิตย์นองเลือด” (Bloody Sunday) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์ความขัดแย้งไอร์แลนด์เหนือ ที่เรียกว่า “เดอะทรับเบิลส์” (the Troubles) เนื่องจากมีพลเรือนในไอร์แลนด์เหนือถูกทหารอังกฤษสังหาร อีกทั้งยังไม่มีผู้ใดถูกนำตัวมาลงโทษจากกรณีที่เกิดขึ้นอย่างเป็นทางการจนถึงปัจจุบัน
เดอะทรับเบิลส์ เป็นความขัดแย้งทางการเมืองและแนวคิดชาตินิยมระหว่างฝ่ายนิยมสหภาพ (Unionists) กับฝ่ายชาตินิยมไอร์แลนด์ โดยฝ่ายนิยมสหภาพ ที่ส่วนใหญ่เป็นชาวอัลสเตอร์ และนับถือนิกายโปรเตสแตนต์ ต้องการให้ไอร์แลนด์เหนือคงอยู่กับสหราชอาณาจักร ขณะที่ ฝ่ายชาตินิยมไอร์แลนด์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวไอริช นับถือนิกายคาทอลิกต้องการให้ไอร์แลนด์เหนือแยกจากสหราชอาณาจักรไปรวมกับประเทศไอร์แลนด์
เกิดอะไรขึ้น
ช่วงเช้าของวันที่ 30 ม.ค. 1972 ประชาชนราว 15,000 คน ชุมนุมกันที่เมืองลอนดอนเดอร์รี ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของไอร์แลนด์เหนือ เพื่อประท้วงปฏิบัติการของทหารอังกฤษที่จับกุมคุมขัง ประชาชนจำนวนมากโดยไม่มีการพิจารณาคดีเพียงต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับกองทัพสาธารณรัฐไอร์แลนด์ (Irish Republican Army หรือ IRA) ที่เป็นขบวนการแบ่งแยกดินแดนเพื่อแยกตัวจากสหราชอาณาจักร
5 เดือนก่อนหน้านั้น เมื่อ ส.ค. 1971 ไอร์แลนด์เหนือกำลังเผชิญปัญหาความรุนแรงและเหตุลอบวางระเบิดเพิ่มขึ้น ได้มีการออกกฎหมายฉบับใหม่เพื่อให้อำนาจทางการในการควบคุมตัวประชาชนโดยไม่ต้องมีการพิจารณาคดี เนื่องจากรัฐบาลเห็นว่ามันคือหนทางเดียวที่จะนำความสงบเรียบร้อยกลับคืนมา
การเดินขบวนประท้วงในวันที่ 30 ม.ค. จึงถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย และทำให้ทางการส่งทหารไปควบคุมการเดินขบวน
เหตุการณ์บานปลาย
การเดินขบวนประท้วงเริ่มขึ้นหลังเวลา 15:00 น. เล็กน้อย โดยมีจุดหมายปลายทางที่บริเวณใจกลางเมือง
แต่ทหารได้ใช้เครื่องกีดขวางปิดกั้นเส้นทางการเดินขบวน ผู้ประท้วงส่วนใหญ่จึงเปลี่ยนเส้นทางไปยังย่านบ็อกไซด์
หลังจากการปะทะกันเล็กน้อยระหว่างคนหนุ่มสาวกับทหาร ทหารหน่วยพลร่มจึงเข้าจับกุมผู้ประท้วง
ก่อนเวลา 16:00 น. เล็กน้อย มีการขว้างก้อนหินใส่ทหาร ทำให้ทหารตอบโต้ด้วยการยิงกระสุนยาง แก๊สน้ำตา และการฉีดน้ำแรงดันสูง มีชาย 2 คนถูกยิงได้รับบาดเจ็บ
เวลา 16:07 น. ทหารพลร่มพยายามเข้าไปจับกุมผู้เดินขบวนให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
16:10 น. ทหารเริ่มเปิดฉากยิงด้วยกระสุนจริง
ข้อมูลจากกองทัพ ระบุว่า ทหาร 21 นายได้ยิงกระสุนจริงไปทั้งสิ้น 108 นัด
เหตุทหารยิงพลเรือนที่ไร้อาวุธครั้งนี้ได้สร้างความโกรธแค้นขึ้นในเมืองลอนดอนเดอร์รี และลุกลามออกไปเป็นวงกว้าง
ในกรุงดับลิน ประเทศไอร์แลนด์ ประชาชนที่โกรธแค้นได้จุดไฟเผาสถานทูตอังกฤษจนราบคาบ
การสอบสวนครั้งแรก
หนึ่งวันหลังวันอาทิตย์นองเลือด รัฐบาลสหราชอาณาจักรได้ประกาศเปิดการสอบสวนกรณีที่เกิดขึ้น นำโดย ลอร์ด วิดเจอรี ประธานศาลสูงสุดแห่งอังกฤษและเวลส์
ผลการสอบสวนดังกล่าวตัดสินให้ทหารและเจ้าหน้าที่ทางการอังกฤษ พ้นผิด แม้ระบุว่า การที่ทหารใช้กระสุนจริงยิงใส่ประชาชนเป็นการกระทำที่ “หมิ่นเหม่ต่อการประมาทเลินเล่อ”
การสอบสวนครั้งนี้ได้รับเสียงวิจารณ์จากครอบครัวผู้เสียชีวิตว่า เป็นความพยายามปกปิดความผิดให้แก่ผู้กระทำผิด
การสอบสวนครั้งที่สอง
นายกรัฐมนตรี โทนี แบลร์ ได้ประกาศให้เปิดการสอบสวนรอบใหม่ ที่นำโดยผู้พิพากษา ลอร์ด ซาวิลล์ เพื่อหาความจริงจากเหตุนองเลือดดังกล่าว
การสอบสวนครั้งนี้เริ่มขึ้นในปี 1998 และทำรายงานแล้วเสร็จในปี 2010 ซึ่งถือเป็นการไต่สวนที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์กฎหมายอังกฤษ และใช้งบประมาณไปราว 200 ล้านปอนด์
การสอบสวนครั้งนี้พบว่า ไม่มีผู้เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บคนใดมีพฤติกรรมที่เป็นอันตราย หรือกระทำการอันใดที่เป็นเหตุอันควรให้ถูกยิง
นอกจากนี้ยังพบว่า ทหารไม่มีการประกาศแจ้งเตือนประชาชนก่อนที่จะเปิดฉากยิงกระสุนจริงใส่พวกเขา อีกทั้งยังไม่พบว่า การยิงปืนของทหารเป็นการตอบโต้ต่อผู้ขว้างระเบิดเพลิง หรือผู้ที่ขว้างปาก้อนหินใส่
ลอร์ด ซาวิลล์ ระบุว่า มีการยิงจากกลุ่มติดอาวุธฝ่ายนิยมสาธารณรัฐบางคน แต่ก็เป็นการตอบโต้ที่ทหารเปิดฉากยิงก่อน
นายกรัฐมนตรี เดวิด แคเมอรอน ชี้ว่า การสังหารประชาชนของทหารครั้งนี้ “ไม่ชอบธรรม และไม่อาจอ้างเหตุผลในการกระทำได้”
เกิดอะไรขึ้นหลังการสอบสวน
สำนักงานตำรวจไอร์แลนด์เหนือ (Police Service of Northern Ireland หรือ PSNI) ได้เปิดการสอบสวนหลังจากมีการเผยแพร่รายงานของลอร์ด ซาวิลล์
หลังจากใช้เวลาสืบสวนสอบสวนอยู่หลายปี ตำรวจได้ส่งสำนวนฟ้องไปยังสำนักงานอัยการของไอร์แลนด์เหนือ ช่วงปลายปี 2016
หลังจากพิจารณาสำนวนความยาว 125,000 หน้า คณะอัยการระบุเมื่อ 14 มี.ค. 2021 ว่าจะดำเนินคดีกับอดีตทหารพลร่มนายหนึ่งที่ถูกเรียกว่า “ทหารเอฟ” (Soldier F) ในความผิดฐานฆาตกรรมพลเรือน 2 คน คือ นายเจมส์ เรย์ วัย 26 ปี และนายวิลเลียมส์ แมคคินนีย์ วัย 22 ปี พร้อมกับความผิดฐานพยายามฆ่าอีก 5 กระทง
แต่เมื่อวันที่ 2 ก.ค. ปีเดียวกัน สำนักงานอัยการสั่งไม่ฟ้องคดีนี้ โดยให้เหตุผลว่าหลักฐานในคดีไม่สามารถใช้ในการเอาผิดจำเลยได้ เนื่องมาจากรูปการณ์ของการได้มาซึ่งหลักฐาน
ความอยุติธรรมจากเหตุการณ์วันอาทิตย์นองเลือดเปรียบดั่งเชื้อไฟที่กระตุ้นให้ขบวนการ IRA ต่อสู้เรียกร้องเอกราชด้วยวิธีการรุนแรงและนองเลือดเพิ่มขึ้นในช่วงอีกหลายทศวรรษต่อมา อีกทั้งยังทำให้โอกาสในการสร้างสันติภาพในไอร์แลนด์เหนือต้องถดถอยลงกว่า 20 ปี
แม้จนถึงบัดนี้ยังไม่มีผู้เกี่ยวข้องในการเข่นฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ถูกนำตัวมาลงโทษ แต่ครอบครัวผู้เสียชีวิตก็ยังคงเดินหน้าเรียกร้องความยุติธรรมต่อไป แม้วันเวลาจะล่วงเลยมาแล้วถึง 50 ปีก็ตาม
………….
ข่าว BBCไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ ข่าวสด เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว