วันนี้วันอะไร? 6 กรกฎาคม วันจูบสากล International Kissing Day

Home » วันนี้วันอะไร? 6 กรกฎาคม วันจูบสากล International Kissing Day
จูบสากล-min

วันนี้วันอะไร? 6 กรกฎาคม ของทุกปีนั้นเป็น วันจูบสากล International Kissing Day เลิกงาน เลิกเรียน แล้วกลับไปจุ๊บคนที่รักกัน

การแสดงความรักก็เป็นเรื่องสำคัญ ยิ่งคนที่อยู่ด้วยกันนานๆ ยิ่งต้องแสดงออกเรื่องความรักให้มากๆ เพื่อไม่ให้ลืมความรักที่มีต่อกัน และเป็นเรื่องดีของความสัมพันธ์ ชีวิตคู่อีกด้วย แล้วนอกจากนี้ การจูบ นั้นยังส่งผลดีต่อทั้งจิตใจและสุขภาพอีกด้วย ทุกคนคงจะเริ่มเห็นความสำคัญของการจูบแล้วใช่ไหม ดังนั้นวันนี้เราจะพามาดูว่า วันจูบสากล มีที่มาจากอะไร และ มีประโยชน์ต่อร่างกายยังไงบ้าง

  • วันนี้วันอะไร? 3 กรกฎาคม วันปลอดถุงพลาสติกสากล
  • มังงะญี่ปุ่นสู่หนังสุดกวน! 100 สิ่งที่อยากทำก่อนจะกลายเป็นซอมบี้
  • ซีรีส์เกาหลีมาใหม่เพียบ! รวมหนัง/ซีรีส์น่าดูตลอดเดือนกรกฎาคม66
จูบ-min

วันจูบสากล (International Kissing Day) ตรงกับวันที่ 6 กรกฎาคม ของทุกปี ซึ่งวันจูบสากลนี้ได้กำเนิดขึ้นในสหราชอาณาจักร ก่อนที่ความนิยมในวันดังกล่าวจะแพร่หลายไปทั่วโลก ที่ชวนให้คู่รักทั้งหลายได้ส่งต่อความรู้สึกดี ๆ และรสสัมผัสที่หอมหวานแก่กันและกันในวันนี้

ความเป็นมาของวันจูบสากล

ต้องขอบคุณชาวโรมันสำหรับการจูบที่แพร่หลายไปทั่วยุโรป เพราะแรกเริ่มนั้นชาวโรมันใช้การจูบเพื่อบ่งบอกสถานะทางสังคม ก่อนที่คำว่า “French Kiss” จะเป็นที่รู้จัก และท่าทางในการจูบเป็นสิ่งที่แพร่หลายออกไปนั่นเอง

คำว่า “French Kiss” เป็นคำที่ทหารอเมริกันและอังกฤษในฝรั่งเศสตั้งขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 สำหรับท่าทางการจูบที่จะมีการใช้ลิ้น โดยลิ้นทั้งคู่จะมีลักษณะพันกัน และเป็นการจูบแบบดูดดื่ม ซึ่งสังเกตเห็นว่าผู้หญิงชาวแกลลิกเปิดรับการใช้เทคนิคที่เร่าร้อนมากกว่าคนอเมริกันและอังกฤษ

อย่างไรก็ตามแม้จะไม่มีข้อมูลที่ชี้ชัดได้ว่าชาวฝรั่งเศสเป็นคนริเริ่มการจูบแบบนี้หรือไม่ แต่พวกเขาได้รับเครดิตมากจากแสดงออกในความรักอันดูดดื่มของชาวฝรั่งเศสเมื่อศตวรรษที่ผ่านมา จนเมื่อไม่นานมานี้ฝรั่งเศสได้นิยามการจูบด้วยลิ้นเพิ่มเข้าไปในพจนานุกรม “Le Petit Robert” อย่างไม่เป็นทางการในปี 2014

แต่งานวิจัยล่าสุดของ ดร.โทรเอลส์ แพงก์ อาร์โบลล์ และ ดร.โซฟี ลุนด์ ราสมุสเซน พบหลักฐานใหม่ที่เป็นลายลักษณ์อักษรจากอารยธรรมเมโสโปเตเมียยุคแรกสุดว่า การจูบถือเป็นวิธีปฏิบัติที่มีอยู่แล้วเมื่อ 4,500 ปีก่อนในตะวันออกกลาง และเชื่อว่าในความเป็นจริงอาจเกิดขึ้นเร็วกว่านั้นอีก แต่ยังไม่มีหลักฐานยืนยันชัดเจน

ประโยชน์ของการจูบ

  • มีสุขภาพจิตที่ดี 
    การจูบอาจกระตุ้นให้สมองหลั่งสารเคมีแห่งความสุข เช่น ออกซิโตซิน (Oxytocin) เซโรโทนิน (Serotonin) โดพามีน (Dopamine) ทำให้ผ่อนคลาย ลดฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งเป็นฮอร์โมนความเครียด ปรับอารมณ์ให้ดีขึ้น ซึ่งอาจลดความเสี่ยงในการเกิดโรคซึมเศร้าได้
  • ความสัมพันธ์ระหว่างคู่รักไปในทางที่ดี 
    คู่รักที่แสดงความรักด้วยการจูบกันอาจทำให้เกิดความผูกพันธ์ ความใกล้ชิด ทั้งยังช่วยกระชับความสัมพันธ์ให้ดีขึ้น นอกจากนี้ การจูบยังกระตุ้นให้เกิดอารมณ์ทางเพศอีกด้วย
  • เผาผลาญแคลอรี่ 
    การจูบกันแต่ละครั้งอาจช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้ 8-16 กิโลแคลอรี่ เนื่องจากขณะที่จูบอาจมีการเคลื่อนไหวร่างกายเพื่อกระตุ้นอารมณ์ทางเพศก่อนมีเพศสัมพันธ์ ดังนั้นยิ่งจูบอย่างร้อนแรงเท่าไหร่ก็ยิ่งส่งผลให้ร่างกายเผาผลาญแคลอรี่ได้มากขึ้น ทั้งยังช่วยกระตุ้นอัตราการเต้นของหัวใจให้มีการสูบฉีดเลือดที่ดี ลดความดันโลหิต บรรเทาอาการปวดหัว และลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ
  • เพิ่มภูมิคุ้มกัน ช่วยบรรเทาอาการแพ้ 
    การจูบกันอาจทำให้ได้รับแบคทีเรียที่ดีที่อยู่ในช่องปากของคู่รัก ทำให้เพิ่มภูมิคุ้มกัน บรรเทาอาการลมพิษ และอาการแพ้จากสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ เช่น เกสรดอกไม้ ลมพิษ ไรฝุ่น และช่วยลดความเครียดที่อาจเป็นสิ่งกระตุ้นทำให้อาการแพ้แย่ลง
  • ป้องกันฟันผุ 
    การจูบกันอาจช่วยกระตุ้นให้ต่อมน้ำลายผลิตน้ำลายมากขึ้น ช่วยในการกลืน และช่วยให้เศษอาหารไม่ติดฟัน ซึ่งอาจช่วยป้องกันฟันผุได้
  • ใบหน้ากระชับ 
    การจูบอาจมีความสัมพันธ์กับกล้ามเนื้อใบหน้าประมาณ 2-34 มัด การจูบบ่อย ๆ ทำให้มีการขยับใบหน้าและใช้กล้ามเนื้อในส่วนนี้เป็นประจำ ซึ่งอาจช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน และทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น ส่งผลให้ใบหน้ากระชับ ชะลอการเกิดริ้วรอยที่ดูแก่กว่าวัย

แหล่งที่มา hellokhunmor

ติดตามข่าวสาร Bright Today ช่องทางอื่นๆ

Website : BRIGHT TODAY
Facebook : BRIGHT TV
Line Today : BRIGHT TODAY

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ