วัดสร้างกำแพงป้องกันไม้พะยูง 100 ปี นายทุนจีนตื๊อไม่เลิก ให้ราคาสูงถึง 2 ล้าน เอาเงินมาล่อให้ชาวบ้านช่วย
จากกรณีไม้พะยูงของกลาง 7 ท่อน มูลค่า 1 ล้านบาท หายไปจากเทศบาลตำบลอิตื้อ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ เมื่อต้นเดือน ส.ค.66 ที่ผ่านมา ต่อเนื่องด้วยการพบเหตุตัดไม้พะยูงขายในโรงเรียนและที่ราชพัสดุจำหน่ายหลายแห่ง โดยทุกแห่งเป็นการตัดไม้พะยูงโดยใช้ช่องว่างทางกฎหมาย นอกจากนี้ยังส่อเอื้อประโยชน์ให้บุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐบางคน ขณะที่เจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจตรวจสอบข้อเท็จจริง และคณะกรรมการตรวจสอบเชิงลึก กรณีตัดไม้พะยูงในโรงเรียน กำลังดำเนินการตรวจสอบเส้นทางการตัดไม้พะยูงในโรงเรียนอย่างเข้มข้น
ขณะเดียวกันที่มีชาวบ้านผู้รักษ์และหวงแหนไม้พะยูง ส่งข้อมูลการลักลอบตัดและขออนุญาตตัดไม้พะยูงในโรงเรียน มาที่ฝ่ายความมั่นคงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดพบว่ามีการแจ้งเหตุตัดไม้พะยูงในที่ราชพัสดุแล้วจำนวน 12 แห่ง และเรียกผู้ซื้อไม้มาสอบปากคำแล้ว ซึ่งให้การที่เป็นประโยชน์ต่อทางราชการ และถูกกันตัวเป็นพยาน ตามข่าวที่เสนอแล้วนั้น
ล่าสุด วันที่ 25 กันยายน 2566 เจ้าหน้าที่ชุดรวบรวมและตรวจสอบข่าว กอ.รมน.จังหวัดกาฬสินธุ์ รายงานว่า นอกจากมีการลักลอบตัดไม้พะยูงในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ แล้วยังเกิดเหตุแก๊งมอดไม้ลักลอบตัดไม้พะยูง บริเวณพื้นที่ป่าภายในมหาวิทยาลัยนครพนม จ.นครพนมด้วย ซึ่งเป็นพื้นที่ใกล้เคียง โดยเหตุเกิดเวลาประมาณ 20.30 น.ของวันที่ 24 ก.ย.66 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตรวจยึดไม้พะยูงของกลาง 7 ท่อน พร้อมเลื่อยมือ 2 เครื่อง ส่วนผู้ต้องหาหลบหนีไปได้
ทั้งนี้ เชื่อว่าเนื่องจากช่วงนี้ที่ จ.กาฬสินธุ์ ฝ่ายปกครอง ร่วมกับชุมชน ได้ร่วมกันเฝ้าระวังอย่างเข้มงวดกวดขัน เพื่อป้องกันปัญหาการลักลอบตัดไม้พะยูงในที่ราชพัสดุอย่างเข้มข้น เหมือนเป็นการกดดันขบวนการมอดไม้อีกทางหนึ่ง จึงหันไปลักลอบตัดไม้พะยูงในพื้นที่จังหวัดอื่น ทั้งนี้ เพราะมีออเดอร์จากนายทุนจีนนั่นเอง
ขณะที่นายสุเทพ ชัยวัฒน์ นายอำเภอเมือง จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง 10 นาย ลงพื้นที่ลาดตระเวน ให้กำลังใจกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และชุด ชรบ. เข้าตรวจสอบความมั่งคง และความปลอดภัย ของเสาคอนกรีตหน้ากว้าง 8 นิ้ว ยาว 4 เมตร จำนวน 28 เสา ที่ผู้นำชุมชนและชาวบ้านหนองทุ่ม ต.บึงวิชัย อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ นำมาวางทับกันเรียง สูง 6 – 7 ชั้นทั้ง 4 ด้าน เพื่อเป็นกำแพงโอบล้อมไม้พะยูง อายุกว่า 100 ปี ที่บริเวณด้านหลังวัดป่าดอนเจ้าปู่ตา
ทั้งนี้ เพื่อเป็นปราการป้องกันแก๊งมอดไม้มาลักลอบตัด ซึ่งเป็นต้นพะยูงที่ชาวบ้านและพระหวงแหนร่วมกันอนุรักษ์ไว้ โดยมีหลวงพ่อณัฐกิตติ์ อธิปญฺโญ รักษาการเจ้าอาวาสวัด นายวิฑูรย์ สังรวมใจ กำนันตำบลบึงวิชัย นางอวยพร หนึ่งคำมี ผญบ.หนองทุ่ม หมู่ 1 นายสมจิต อิ่มแมน ผญบ.นาสัมพันธ์ หมู่ 2 นายไพบูลย์ ภูครองหิน ผญบ.สว่างนาโพธิ์ หมู่ 3 และชุด ชรบ.รายงานสถานการณ์
นายสุเทพกล่าวว่า จากข้อสั่งการของนายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผวจ.กาฬสินธุ์ ได้มอบหมายให้ทางอำเภอ ร่วมกับผู้นำชุมชน ออกตรวจตราทรัพยากรป่าไม้ โดยเฉพาะไม้พะยูง ไม้หวงห้ามในที่ราชพัสดุ เช่น วัด โรงเรียน เพื่อป้องกันเหตุลักลอบตัด ควบคู่กับการสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับชาวบ้าน เกี่ยวกับกฎหมาย พ.ร.บ.ป่าไม้ด้วย โดยในวันนี้ได้นำกำลัง อส.ลงพื้นที่ตรวจการณ์ ลาดตระเวน พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานอีกด้วย สำหรับการป้องกันเหตุลักลอบตัดของชุมชนบ้านหนองทุ่ม โดยใช้ภูมิปัญญานำเสาคอนกรีตขนาดใหญ่ มาทำเป็นแนวกำแพงป้องกันดังกล่าว ซึ่งมีความมั่นคง แข็งแรง เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่สามารถป้องกัน และยับยั้งคนร้ายได้เข้ามาลอบตัดอย่างมีประสิทธิภาพ
ด้านหลวงพ่อณัฐกิตติ์ อธิปญฺโญ รักษาการเจ้าอาวาสวัดป่าดอนเจ้าปู่ตา กล่าวว่าไม่นานมานี้ เคยมีคนแปลกหน้ามาหาที่วัด 2-3 ครั้ง คือมาแบบไม่ซ้ำหน้าเลยล่ะ บางครั้งมีคนในหมู่บ้านพามาด้วย โดยจุดประสงค์ที่เข้ามาคือติดต่อซื้อไม้พะยูงต้นนี้ ซึ่งประเมินราคาให้ 1,500,000 บาท แต่ได้ยินว่าชาวบ้านที่พามาขอเพิ่มราคา เป็น 2,000,000 ล้านบาท ก็ตกลงกันไม่ได้ ในขณะที่หลวงพ่อก็ได้ทักท้วงทุกครั้งว่าไม้พะยูงเป็นของหลวง จะซื้อขายกันโดยพลการไม่ได้ เพราะเป็นไม้หวงห้าม หากมีการซื้อขายก็จะเกิดปัญหาติดตามมา ทุกคนที่เกี่ยวข้องก็จะได้รับความกระทบกระเทือน เดือดร้อนกันไปหมดทุกฝ่าย ซึ่งหลวงพ่อขอยืนยันจะไม่ยอมให้มีการซื้อขายไม้พะยูงต้นนี้ หรือทุกต้นในบริเวณวัดโดยเด็ดขาด
ขณะที่นายสมจิต อิ่มแมน ผญบ.นาสัมพันธ์ หมู่ 2 ต.บึงวิชัย อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า เมื่อ 4-5 ปีก่อน เคยมีคนต่างถิ่นเข้ามาติดต่อขอซื้อไม้พะยูงกับตนเหมือนกัน โดยตั้งราคาให้ถึง 1,000,000 บาท แต่ตนและชาวบ้านก็ได้ปฏิเสธไป เพราะยังไงก็จะไม่ยอมขายแน่นอน เพราะต้นไม้ทุกต้น ป่าไม้ทุกแห่งเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าต่อแผ่นดิน ต่อมาได้ยินว่าชาวบ้านที่อยู่แถวๆ วัดป่าดอนเจ้าปู่ตาเล่าให้ฟังว่า ได้มีคนแปลกหน้ามาข่มขู่ ว่าหากเห็นคนมาตัดไม้พะยูง ห้ามแจ้งเจ้าหน้าที่โดยเด็ดขาด หากไม่อยากได้รับอันตราย ก็อย่ามาขัดขวาง
ซึ่งพอได้ยินอย่างนั้นแล้ว ชาวบ้านก็ไม่สบายใจ เกรงว่าสักวันหนึ่งก็คงจะมีคนร้ายมาลักลอบตัดไม้พะยูง เหมือนอย่างที่เคยเกิดเหตุที่อื่น เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้คนร้ายมาลักตัดไม้พะยูงไป จึงได้ร่วมแรงกาย แรงใจ หาเสาคอนกรีตที่ไม่ใช้แล้ว มาทำเป็นแนวรั้วป้องกันดังกล่าว
นายสมจิต กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ ถึงแม้จะไม่มีคนแปลกหน้าเข้ามาติดต่อซื้อไม้พะยูง แต่ก็มีการโทรศัพท์มาติดต่อขอซื้อวันละ 4-5 ราย อ้างว่าเป็นนายหน้าซื้อไม้ชาว จ.อำนาจเจริญบ้าง ชาว จ.บึงกาฬ บ้าง เพื่อนำไม้พะยูงส่งขายให้นายทุนจีน ที่ให้ราคาสูงถึงมาก หากต้นใหญ่จะได้ราคาถึง 1,500,000 บาททีเดียว ซึ่งตนก็ได้ปฏิเสธไปว่ายังไงก็ขายไม่ได้ เพราะไม้พะยูงเป็นสมบัติของส่วนรวม และเป็นของธนารักษ์ จะขายให้ใครไม่ได้ แต่ก็ยังพยายามโทรมาอีกหลายครั้ง บางครั้งถึงก็คะยั้นคะยอให้ช่วยประชาคมชาวบ้านให้ด้วย จะให้รางวัล และจะได้มีเงินแสนเงินล้านใช้สบายๆ ซึ่งทุกครั้งที่โทรมาจะเปลี่ยนคนโทร และเปลี่ยนหมายเลขโทรศัพท์ จึงตรวจเช็กไม่ได้ว่าเป็นใคร
ทั้งนี้ เชื่อว่าเป็นนายหน้าหาซื้อไม้พะยูง และเป็นนอมินีพ่อค้ารายใหญ่สายอีสานตอนเหนือ และสายอีสานตอนล่างแน่นอน ซึ่งคิดว่าทุกวันนี้ยังคงมาป้วนเปี้ยน ท้าทายกฎหมาย และหาจังหวะลักลอบตัดอยู่ จึงเป็นหน้าที่ของผู้นำชุมชน ที่จะได้ร่วมกับฝ่ายปกครองเฝ้าระวังไม้พะยูงกันอย่างเข้มข้นต่อไป