บริษัทซิลลิคฯ ยืนยันกำหนดการนำเข้าวัคซีนโมเดอร์นาเป็นไปตามลำดับการสั่งซื้อกับผู้ผลิต (First Come First Serve) โรงพยาบาลเอกชนมั่นใจมีวัคซีนฉีดให้ผู้สั่งจองแน่นอน
เมื่อวานนี้ (14 ก.ค.) องค์การเภสัชกรรม จัดประชุมติดตามความคืบหน้าการส่งมอบวัคซีนโมเดอร์นา ร่วมกับบริษัท ซิลลิค ฟาร์มา จํากัด ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายและนำเข้าวัคซีนโมเดอร์นา และสมาคมโรงพยาบาลเอกชน โดยบริษัทซิลลิคฯ ได้แจ้งความคืบหน้าว่าด้วยกฎเกณฑ์การส่งมอบที่ต้องดำเนินการตามแนวทางของบริษัทผู้ผลิตต่างชาติและเป็นแนวทางเดียวกันกับทุกประเทศที่สั่งซื้อวัคซีนโมเดอร์นา ซึ่งในสถานการณ์ปัจจุบันที่มีความต้องการวัคซีนจำนวนมาก
โดยวัคซีนโมเดอร์นา จำนวน 1,958,400 ล้านโดส ผู้ผลิตจะสามารถส่งมอบล็อตแรกถึงไทยประมาณกลางเดือนตุลาคมนี้ และจะทยอยส่งสัปดาห์ละ 3 แสนกว่าโดส ต่อเนื่องทุกสัปดาห์จนครบในไตรมาส 4 ปี 2564 ส่วนที่เหลืออีกกว่า 3 ล้านโดส บริษัทจะได้เร่งทยอยส่งมอบจนจบดีลไม่เกินเดือนมีนาคม 2565
ทั้งนี้ ในแต่ละครั้งที่ส่งมอบ บริษัทซิลลิคฯ จะส่งวัคซีนให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อทำการตรวจสอบคุณภาพตามกระบวนการ โดยใช้เวลาอีก 3-5 วัน ก่อนกระจายวัคซีนไปยังโรงพยาบาลเอกชนต่อไป
ในส่วนของการจัดสรรจำนวนวัคซีนที่บริษัทซิลลิคฯ นำเข้ามาในแต่ละครั้ง องค์การเภสัชกรรมจะจัดสรรตามสัดส่วนเปอร์เซ็นต์ของยอดโควตาที่มีการจองเข้ามาเป็นหลัก ทั้งในส่วนของโรงพยาบาลเอกชนและสภากาชาดไทย โดยจะมีการแจ้งให้โรงพยาบาลทราบล่วงหน้า เพื่อให้โรงพยาบาลแต่ละแห่งกำหนดเวลาบริการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนที่สั่งจองต่อไป
บริษัทซิลลิคฯ ยังยืนยันว่า การดำเนินงานร่วมกับองค์การเภสัชกรรมและสมาคมโรงพยาบาลเอกชนในการนำเข้าและส่งมอบวัคซีนวัคซีนโมเดอร์นา นับเป็นพันธสัญญาแรกในประเทศไทย ดังนั้นกำหนดการส่งมอบจึงเป็นไปตามลำดับการสั่งซื้อกับผู้ผลิต (First Come First Serve) โรงพยาบาลเอกชนจึงมั่นใจได้ว่าจะมีวัคซีนฉีดให้ผู้สั่งจองตามกำหนดการตามแผนแน่นอน
องค์การเภสัชกรรม และสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ได้ติดตามความคืบหน้าการนำเข้าวัคซีนโมเดอร์นาจากบริษัทซิลลิคฯ อย่างต่อเนื่อง และหลังจากนี้จะได้กระชับการติดตามให้มากขึ้นเนื่องจากใกล้เวลาการส่งมอบ ซึ่งมีรายละเอียดที่ต้องดำเนินงานในกระบวนการอีกหลายอย่าง อีกทั้งได้พยายามเร่งรัดให้บริษัทซิลลิคฯ ส่งมอบวัคซีนทางเลือกมาให้บริการกับประชาชนไทยให้ได้โดยเร็วที่สุด
โดยบริษัทซิลลิคฯ จะรายงานข้อมูลความคืบหน้าให้องค์การเภสัชกรรมและสมาคมโรงพยาบาลเอกชนทราบอย่างต่อเนื่อง เพื่อจะได้แจ้งความคืบหน้าให้สาธารณชนรับทราบต่อไป