วันที่ 19 มี.ค.64 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ข้อความว่า เล่าเรื่องราวครอบครัวของ นายมานพ แซ่บุ้น อายุ 51 ปี เสียชีวิตด้วยโรคติดเชื้อในกระแสเลือด ซึ่งนายมานพเป็นพ่อของ เด็กชายชัยวุฒิ ทิอ่อน อายุ 10 ขวบ น้องได้ศึกษาอยู่ที่โรงเรียนวัดประชุมคงคาราม ต.วัดป่า อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ดังในคลิปแรกที่เพื่อนๆพี่ๆได้เห็นคือน้อง เพิ่งได้ทราบว่าพ่อของน้องเสียแล้ว โดยน้องไม่ได้ร้องไห้แต่อย่างใด แต่ที่ทราบข้อมูลมาน้องมีแม่อยู่ต่างจังหวัดและพี่สาว แม่แยกทางกับพ่อตั้งแต่ตอนยังเล็ก แม่ของน้องก็เอาพี่สาวของน้องไปด้วย แยกไปมีครอบครัวใหม่ ทราบข่าวมาว่าแม่ของน้องได้ถูกต้องโทษขังอยู่ในเรือนจำ “ไม่ทราบคดี” ซึ่งก่อนพ่อน้องจะเสียชีวิต น้องก็ได้อาศัยอยู่กับพ่อที่บ้านเช่าหลังโรงเรียนหยกฟ้า ต.หล่มสัก อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์
ต่อจากนี้น้องก็เหมือนตัวคนเดียว แต่ที่ยังมีหวังมีกำลังใจเพราะเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ๆกันเขาดูแลอยู่เหมือนลูกหลาน เพราะน้องเป็นคนนิสัยดีมาก กินง่ายอยู่ง่าย พูดเพราะ ทางทีมงานกู้ภัยกกไทรได้รับร่างไร้วิญญาณของพ่อน้องจากโรงพยาบาลเพชรบูรณ์ เพื่อที่จะนำมาฝังไว้ที่สุสานสมาคมกกไทร ต.บุ่งน้ำเต้า อ.หล่มสัก เพราะน้องไม่มีญาติอยู่ใกล้ๆเลย ปู่ย่า ตายายได้ข้อมูลมาว่า ก็เสียกันไปหมดแล้ว ส่วนเรื่องทำการแจ้งมรณะ ให้กับพ่อของน้อง ผอ.กองสวัสดิการของเทศบาลเมืองหล่มสักเป็นผู้มาดำเนินการ ร่วมถึงพิธีการฝังร่างพ่อของน้อง
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจสอบ ที่โรงเรียนวัดประชุมคงคา พบ ด.ช.ชัยวุฒิ หรือน้องเบส อายุ 10 ขวบ ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า แม่กับพ่อแยกทางกันตั้งแต่ตนยังเด็ก จึงอยู่กับพ่อที่มีอาชีพรับจ้างทั่วๆ ไป โดยอาศัยอยู่ในห้องเช่าแห่งหนึ่ง ห่างจากโรงเรียนประมาณ 1 กิโลเมตร ต่อมาเมื่อไม่นานมานี้ พ่อได้ป่วยและเข้าทำการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ และต่อมาได้เสียชีวิต เมื่อวันที่ 16 มี.ค.2564 ที่ผ่านมา โดยระหว่างที่พ่อป่วยนั้น ตนเองก็ไปอาศัยอยู่กับคนข้างๆ บ้าน เลี้ยงและดูแลเหมือนกับเป็นลูกคนหนึ่ง เมื่อพ่อเสียชีวิตแล้วตนก็ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป สำหรับความใฝ่ฝันเมื่อโตขึ้นอยากจะเป็นนักบินอวกาศ
ด้าน นางสาวิตรี บุญเกิดกูล อายุ 40 ปี เพื่อนบ้านที่ให้การดูแลน้องเบส เปิดเผยว่า ตนเพิ่งย้ายมาอยู่ห้องเช่านี้ประมาณ 3 ปีแล้ว และได้เห็นน้องเบสวิ่งเล่นอยู่แถวนี้ จึงรู้สึกเอ็นดูเพราะน้องเบสเป็นเด็กที่กิริยามารยาทดีมาก ว่านอนสอนง่าย อีกทั้งอายุรุ่นราวคราวเดียวกับลูกชายของตนเอง ซึ่งอายุ 11 ขวบ กำลังเรียนอยู่ชั้น ป.5 โรงเรียนเดียวกัน กระทั่งพ่อน้องเบสป่วยเข้าโรงพยาบาล จึงให้น้องเบสมานอนกับลูกชายตนเองที่บ้าน กระทั่งพ่อน้องเบสเสียชีวิต ตนก็ยังให้น้องเบสมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ โดยตนและครอบครัว ต่างก็รักน้องเบสทุกคน ที่ผ่านมาตนดูแลทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า อาหาร และเงินใช้จ่าย โดยให้ไปโรงเรียนวันละ 20 บาท น้องเบสใช้จ่ายอย่างประหยัดมาก โดยจะเอาไปออมกับคุณครู 10 บาท ซื้อขนมกิน 5 บาท เหลือ 5 บาท ก็นำมาหยอดกระปุกออมสินที่บ้าน หลังจากนี้หากน้องเบสไม่มีญาติหรือใครดูแล ตนกับครอบครัวจะขอดูแลจนกว่าน้องจะจบชั้น ป.6 หรือจนกว่าน้องเบสจะมีผู้อุปการะ เพราะตอนนี้ตนรักเหมือนลูกคนหนึ่งเช่นกัน
ด้านนางจุมรี เฮ้าปาน ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดประชุมคงคา เปิดเผยว่า น้องเบสเป็นเด็กดี เป็นที่รักของเพื่อนๆ ผลการเรียนปานกลาง แต่ด้านภาษาอังกฤษทักษะค่อนข้างดี ตนและคุณครูได้ไปเยี่ยมบ้านมาหลายครั้งทราบว่า พ่อกับแม่ได้แยกทางกันตั้งแต่น้องเบสอายุประมาณ 3 ขวบ โดยแม่ได้นำพี่สาวไปอยู่ด้วย ส่วนพ่อได้นำน้องเบสมาเลี้ยงดู และทราบข่าวมาว่า แม่ของน้องถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับยาเสพติด และอยู่ในเรือนจำที่ต่างจังหวัด ส่วนพี่สาวน้องเบสได้มีผู้ใจบุญนำไปอุปการะเลี้ยงดูแล้ว ตนและคุณครูที่โรงเรียนเห็นถึงความเดือดร้อนของน้อง จึงได้หาทางช่วยเหลือมาโดยตลอด และเมื่อพ่อของน้องเบสเสียชีวิต จึงตระหนักเรื่องความเป็นอยู่ แต่ก็เบาใจที่มีเพื่อนบ้านอาสาเป็นผู้ดูแล แต่ทั้งนี้ในอนาคตน้องเบสจะต้องเรียนหนังสือที่สูงขึ้น จึงจำเป็นต้องมีค่าใช้จ่ายในอนาคต จึงได้ทำการเปิดบัญชีเพื่อขอรับบริจาคจากผู้ใจบุญ
ในการช่วยเหลือโดยได้เปิดบัญชีชื่อบัญชี “ทุนการศึกษาเพื่อเด็กชายชัยวุฒิ ทิอ่อน” โดยมีคณะกรรมการร่วมเปิดบัญชี 2 คน และน้อง 1 คน โดยมีเงื่อนไขการเบิกจ่ายคือ 2 ใน 3 และจะต้องมีน้องเป็นผู้เบิกร่วมด้วยทุกครั้ง จนกว่าน้องจะอายุครบ 20 ปี บริบูรณ์ จึงจะสามารถเบิกจ่ายได้เอง ดังนั้นผู้ใจบุญท่านใดต้องการที่จะช่วยเหลือน้องเบส สามารถติดต่อได้ที่โรงเรียนโดยตรงได้ที่ 086-6805875, 081-9811687 หรือโอนเข้าบัญชีธนาคารออมสิน เลขบัญชี 020360295750 ชื่อบัญชี “ทุนการศึกษาเพื่อเด็กชายชัยวุฒิ ทิอ่อน”