“วราวุธ” เชื่อ หลังปีใหม่ ส.ส.ย้ายพรรควุ่น ย้ำ ชทพ.ขอไม่ต่ำกว่า 25 ที่นั่ง เมินคนหยามได้ต่ำสิบ ลั่นพร้อมรักษาแชมป์สุพรรณบุรี ไม่หวั่นกติกาบัตร 2 ใบ
เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2565 นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวถึงการเมืองหลังปีใหม่ ว่า ส.ส.ในสภาฯ จะมีการโยกย้ายพรรคต้องดูว่าจะมีผลกระทบต่อองค์ประชุมสภามากน้อยแค่ไหน จะก่อให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมาหรือไม่ หลังปีใหม่เราจะได้เห็นความชัดเจนของหลายๆ พรรคการเมือง ในส่วนของชาติไทยพัฒนา มีเข้ามาเพิ่มเป็นระยะๆ
นายวราวุธ กล่าวว่า สำหรับเป้าหมายในการเลือกตั้งครั้งหน้า ขอไม่ต่ำกว่า 25 ที่นั่ง โดยเฉพาะ จ.สุพรรณบุรี ตนไม่อยากใช้คำว่ามั่นใจ แต่ขอใช้คำว่าไม่ประมาท เราพร้อมรักษาเข็มขัดแชมป์ไว้อย่างสุดความสามารถ ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จะส่งนายยุทธนา โพธสุธน ส.ส.บัญชีรายชื่อ หลานชายนายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรและสหกรณ์ และเลขาธิการพรรคชาติไทยพัฒนา ลงชนในเขตเลือกตั้งเดียวกับนายเสมอกัน เที่ยงธรรม ส.ส.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา นั้น
นายวราวุธ กล่าวต่อว่า อย่างที่ตนบอกแล้วว่า เมื่อนายบรรหารไม่อยู่ หลายคนจะมองว่า จ.สุพรรณบุรี เป็นเค้กชิ้นโตที่หลายฝ่ายอาสามาตีเมืองขึ้น จะทำให้สุพรรณบุรีแตก ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เราไม่ว่ากัน แต่ตนพูดได้แค่ว่าก็ลองกันสักตั้งหนึ่ง ถ้าคิดว่าทำสำเร็จก็เป็นสิทธิ์ของหลายฝ่ายที่จะคิด แต่สำหรับตน หน้าที่คือปกป้องพื้นที่ของตนเอง จังหวัดที่เป็นฐานสำคัญของชาติไทยพัฒนา
นายวราวุธ กล่าวว่า ส่วน จ.นครปฐม ทางตระกูลสะสมทรัพย์ ก็ทำงานอย่างไม่ประมาท หลังจากมีประสบการณ์จากครั้งที่แล้ว ตอนนี้เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.แล้ว เชื่อว่าจะยึดพื้นที่ได้ ส่วนจังหวัดใกล้เคียงขอให้จับตาดูในอนาคตว่าจะมีเข้ามาเพิ่มเติมอย่างไร หลังปีใหม่จะได้เห็นอะไรชัดเจนมากขึ้น แต่ถ้าจะให้ชัดเจนที่สุดคือ วันที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ประกาศยุบสภา วันนั้นฝุ่นตลบอีกทีแน่
เมื่อถามว่า การเลือกตั้งรอบหน้าจะหนักหรือไม่ เพราะดูเหมือนขณะนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยเรื่องทุนมากกว่าเรื่องอื่น นายวราวุธ กล่าวว่า มีสมัยไหนที่ไม่ใช้ปัจจัยบ้าง ตั้งแต่ที่ตนจำความได้ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง จะมีการพูดกันว่ารอบนี้หนักกว่ารอบก่อนเสมอ สรุปคือหนักทุกรอบ แต่ท้ายที่สุดคือจะมีการดึงตัว ส.ส. ด้วยปัจจัยหลายๆ อย่าง ตนไม่ขอลงรายละเอียด แต่มันเป็นเรื่องเดิมๆ ไม่ใช่อะไรใหม่ ถึงแม้กระแสหรือความนิยมของพรรคการเมืองมีความสำคัญ แต่เป็นส่วนหนึ่ง โดยเฉพาะการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ สภาพเศรษฐกิจและประชาชนเดือดร้อน ดังนั้น ปัจจัยบางอย่างก็จะมีน้ำหนักเพิ่มมากขึ้นเป็นเรื่องปกติ เป็นไปโดยอัตโนมัติ
เมื่อถามว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้า นายวราวุธจะยังเป็นผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 หรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ว่าจะให้ลงลำดับที่เท่าไหร่ แต่ถึงอย่างไรก็ลงสมัครรับเลือกตั้งในบัญชีรายชื่อ โดยผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมพรรคก่อน โดยเฉพาะแคนดิเดตนายกฯ ยิ่งจะต้องพูดคุยกันภายในพรรคก่อนว่าจะเสนอใคร แต่ส่วนใหญ่หลายๆ พรรคจะเสนอชื่อหัวหน้าพรรค
เมื่อถามว่า มีเสียงวิจารณ์ประเมินชาติไทยพัฒนา จะได้ไม่ถึง 10 ที่นั่ง นายวราวุธ กล่าวว่า ไม่อยากพูด ที่บอกว่าต่ำสิบก็ดี ประเมินเท่าไหร่ไม่เกี่ยง เพราะหลีกหนีความเป็นจริงไม่ได้ แม้จะคลุกคลีทางการเมืองมามาก แต่บารมีและพรรษาทางการเมืองสู้หลายคนไม่ได้ แต่หากพูดถึงศักยภาพการทำงาน รับประกันไม่แพ้ใคร หากเอาหัวหน้าแต่ละพรรคมาประชัน ตนทำงานไม่แพ้หัวหน้าพรรคอื่นแน่นอน แต่ปัจจัยยอื่นๆ อาจจจะเทียบเท่าไม่ได้ ต้องให้เวลาสั่งสมประสบการณ์
เมื่อถามว่า กังวลอะไรบ้าง เช่น กติกาใหม่ที่ใช้เลือกตั้งครั้งหน้า นายวราวุธ กล่าวว่า เราเคยเจอมาแล้ว ทั้งการเลือกตั้งปี 44 และปี 48 ที่ใช้รัฐธรรมนูญ 40 ก็ใช้แนวทางการลงคะแนนแบบนี้ ที่ใช้บัตร 2 ใบ ทำให้ต้องใช้คะแนนเสียง 3.5-3.7 แสนคะแนน เพื่อให้ได้ปาร์ตี้ลิสต์ 1 คน จะมีความท้าทายการทำงาน ก็เป็นกังวลเหมือนกัน
เมื่อถามถึงการส่งผู้สมัคร ส.ส. นายวราวุธ กล่าวว่า พรรคส่งไม่ครบ 400 เขต เพราะเปลืองเงินทุน เพราะคราวที่แล้วส่งเยอะ บางเขตส่งไป หมดเงินค่าสมัคร ทำป้ายหาเสียง แต่ได้คะแนนหลักสิบ สู้ไม่ส่งเขต ประหยัดเงินไว้เอาไว้หาเสียงเขตอื่น ทำป้ายเขตอื่นดีกว่า