วราวุธ เผย คนสุพรรณฯถาม ‘พิธา’ เป็นสุพรรณบุรีแล้วเสียหายตรงไหน แต่ตัวเองไม่ถือ แค่กลอนพาไป ขอโฟกัสนโยบายดีกว่า ยัน ‘บรรหาร’ พัฒนาให้ทั้งประเทศ
เมื่อเวลา 08.45 น. วันที่ 9 พ.ค.2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ให้สัมภาษณ์ถึงนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวพาดพิงว่ากังวลประเทศไทยจะเป็นสุพรรณบุรี ว่า มีชาว จ.สุพรรณบุรี บางส่วนส่งข้อความมาหาตนว่า เป็นสุพรรณบุรีแล้วมันเสียหายตรงไหน แต่จากที่เคยทำงานร่วมกับนายพิธาและพรรคก้าวไกลในสภาผู้แทนราษฎร ได้เห็นว่าพวกเขาเชื่อมั่นเรื่องความเสมอภาคและความเท่าเทียม ตนคิดว่าเขาคงไม่ได้หมายความไปตามสิ่งที่พูด
จากที่ตนและนายพิธา ร่วมเวทีดีเบตกันมาแล้วหลายครั้ง เห็นว่านายพิธา คงไม่ได้คิดแบบนั้นจริงๆ จึงคิดว่าอย่าเอาเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องมาทำให้เป็นเรื่องดีกว่า เพราะอีกไม่กี่วันจะถึงวันเลือกตั้ง ขอให้มุ่งเน้นกันที่นโยบาย เพราะบางครั้งอาจจะมีเรื่องที่ไม่ได้เกิดจากความตั้งใจและพลาดพลั้ง จึงอยากให้ปล่อยไปดีกว่า
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะดูแลความรู้สึกของชาวสุพรรณบุรีอย่างไร นายวราวุธ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเราได้ทำงานอย่างต่อเนื่องใน จ.สุพรรณบุรี ซึ่งอาจมีหลายคนเกิดข้อกังขาว่า จ.สุพรรณบุรี มีการพัฒนา โดยเฉพาะในช่วงรัฐบาลของนายบรรหาร ศิลปอาชา ขอชี้แจงว่าตอนที่นายบรรหาร เป็นรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ จนถึงตอนดำรงตำแหน่งนายกฯ ทุกคนไปตรวจสอบได้ว่านายบรรหารได้ทำงานให้กับคนไทยทั้งประเทศ แม้กระทั่งตอนได้รับตำแหน่งนายกฯ จุดแรกที่เริ่มไปลงพื้นที่คือ ภาคใต้ ไม่ได้มาที่ จ.สุพรรณบุรีก่อน
นอกจากนี้ ในยามที่นายบรรหารเป็นเพียง ส.ส. ท่านก็ยังทำงานให้ จ.สุพรรณบุรี ถือเป็นเรื่องปกติของการเป็น ส.ส. ส่วน ส.ส.แต่ละคนจะทำงานได้แค่ไหน ขึ้นอยู่กับศักยภาพแต่ละคน อย่างไรก็ตาม อยากทำความเข้าใจกับชาวสุพรรณบุรีว่าเป็นเรื่องปกติที่จะมีคนเข้าใจคลาดเคลื่อน แต่ใน จ.สุพรรณบุรี พวกเรายังทำงานเหนียวแน่นกันดี
เมื่อถามว่าดูเหมือนการปราศรัยในระยะหลังของพรรคก้าวไกล จะพูดแซะตระกูลหรือบ้านใหญ่ในจังหวัดต่างๆ นายวราวุธ กล่าวว่า ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ต้องขอบคุณที่มองเราเป็นบ้านใหญ่ เพราะบ้านศิลปอาชาและพรรค ถือว่าสุพรรณบุรีเป็นบ้านใหญ่ของเรา ขณะเดียวกัน เราเข้าใจดีว่าการพูดบนเวทีบางครั้งอาจมีกลอนพาไป จึงอย่าเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องมาเป็นเรื่องดีกว่า และอย่าเอามาเป็นประเด็นทางสังคมเลย เราควรไปโฟกัสนโยบายของแต่ละพรรคดีกว่า และอีก 3-4 วัน จะได้เวลาไปลงคะแนนเลือกตั้งกัน
เมื่อถามว่าประเมินช่วงโค้งสุดท้ายนี้อย่างไร นายวราวุธ กล่าวว่า คาดเดาได้ยาก เพราะผลโพลที่ออกมาอาจเป็นเพียงแค่ตัวแทนของคนจำนวนหนึ่งในแต่ละพื้นที่ แต่โพลที่แม่นที่สุดคือ โพลเช้าวันที่ 14 พ.ค. เย็นในวันนั้นเราจะได้รู้ผลว่าคน 50 กว่าล้านเสียงจะมีแนวทางออกมาอย่างไร เพราะเคยเห็นกันมาแล้วว่าแม้แต่เอ็กซิทโพลที่ออกมาอย่างหนึ่ง แต่สุดท้ายผลเลือกตั้งออกมาตรงข้าม คิดว่าไม่เกินเที่ยงคืนของวันที่ 14 พ.ค.จะได้รู้ผลคาดคะเนที่แท้จริง