วราวุธ มอง ปัญหา PM 2.5 เป็นปัญหาใหญ่ ชี้พื้นที่กทม. ต้นตอจากยานพาหนะ ย้ำต้องร่วมมือกันทุกภาคส่วน รวมถึงประเทศเพื่อนบ้าน ด้าน‘สุวัจน์’ ชู 7 ข้อขจัดฝุ่นพิษ
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 13 มี.ค. 2566 ที่โรงแรม พูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพฯ (รางน้ำ) เครือมติชนจัดแคมเปญ “มติชน: เลือกตั้ง 2566 บทใหม่ประเทศไทย” เปิด 5 เวที 10 ยุทธศาสตร์ 2 กลยุทธ์ ซึ่งวันนี้เป็นเวทีแรก ประชันนโยบาย “ย้ำจุดยืน ชูจุดขาย ประกาศจุดแข็ง” ที่มีตัวแทนจาก 8 พรรคการเมืองร่วมขึ้นเวทีประชันนโยบาย ได้แก่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.)
นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า (ชพก.) นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการการสื่อสารและการรณรงค์นโยบายของพรรคก้าวไกล นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะกรรมการด้านนโยบายและเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย (พท.) น.ต.ศิธา ทิวารี เลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย(ทสท.) นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)
ในรอบแรก จับคู่ดีเบต โดยนายวราวุธ ตอบคำถามเรื่องปัญหาคุณภาพอากาศ โดยเฉพาะ PM2.5 มองปัญหานี้ใหญ่แค่ไหน มีข้อเสนอในการแก้ไขอย่างไร ว่า ตนมองว่าปัญหา PM 2.5 เป็นปัญหาที่ใหญ่และลึกมาก แบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ กทม. และต่างจังหวัด ในส่วนกทม. แหล่งที่มาของ PM 2.5 ที่เยอะที่สุดมาจากท้องถนน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับยานพาหนะ เครื่องยนต์ จำเป็นต้องออกกฎมาย มาตรการมาควบคุมให้เข้มงวด ตรวจสอบบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดเช่นกัน
ในส่วนพื้นที่ต่างจังหวัด แบ่งเป็น 3 ส่วนด้วยกัน ได้แก่ 1.ส่วนพื้นป่าอนุรักษ์ หรือพื้นที่อุทยาน 2.พื้นที่ป่าสงวน 3.พื้นที่ทางการเกษตร ในส่วนของกระทรวงทรัพยฯ ได้ดูแลพื้นที่กรมอุทยานฯ ซึ่งเราประกาศปิดไปแล้วบางส่วนทางภาคเหนือ นี่คือส่วนที่เราดูแลได้ แต่อีก 2 ส่วน ที่อยู่ในความดูแลของป่าสงวน ภารกิจการดับไฟป่าถูกโอนให้ไปอยู่กับกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ภายใต้กระทรวงมหาดไทย จะต้องเร่งดำเนินการตั้งงบประมาณ และช่วยกันทำตามหน้าที่ที่ได้รับ
ในส่วนพื้นที่ที่ 3 การเผาไหม้ในพื้นที่การเกษตรต่างๆ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องไปคุยกับประชาชนเพื่อทำความเข้าใจ การที่จะแก้ไขปัญหา PM 2.5 ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องทำงานในหน้าที่ของตน เนื่องจากแต่ละกระทรวงจะมีบทบาทชัดเจนอยู่แล้ว
อีกประเด็นที่เราควบคุมไม่ได้ คือสภาพดินฟ้าอากาศ การที่สภาพอากาศพัดมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ดังนั้น การทำงานคู่กับประเทศเพื่อนบ้านเป็นหัวใจที่สำคัญ วันนี้เราทำงานควบคู่กับเลขาธิการอาเซียนเพื่อประสานงานกับรัฐบาลประเทศเพื่อนบ้าน กระทรวงต่างประเทศก็ต้องดำเนินการอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานระดับนานาชาติ เพื่อขอความร่วมมือจากต่างประเทศ บริษัทใหญ่ๆ ที่มีพื้นที่การเกษตรในประเทศเพื่อนบ้าน จะต้องช่วยกัน
ปัญหา PM 2.5 กระทบกับคนไทยทุกคน เมื่อพูดถึงสิ่งแวดล้อมมันไม่ใช่หน้าที่ของคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นหน้าที่ของคนไทยทั้ง 66 ล้านคน รวมทั้งพรรคการเมืองที่จะต้องมีนโยบาย เวลาทำงานภาคส่วนราชการ เอกชน ประชาชนจะต้องร่วมมือกัน
ด้านนายสุวัจน์ กล่าวว่า PM 2.5 เป็นเรื่องใหญ่ทุกคนประสบปัญหา อย่างที่บ้านของตน ภรรยาไม่อยู่ที่บ้านไปนอนที่อื่น ไปตามป่า เขา ริมแม่น้ำ มันเริ่มกลายเป็นผลกระทบภายในครอบครัวแล้ว ตนถามว่าทำไมไม่ค่อยอยู่บ้าน เขาบอกสู้ฝุ่นไม่ไหว ก็ต้องไปหาที่พักที่ไม่มีฝุ่น ตนมองอย่าง engineer ในการแก้ไขปัญหา PM 2.5 อะไรที่เป็นต้นเหตุ ก็ไปแก้ที่ต้นเหตุ
อย่างเรื่องแรก ผมคิดว่าเราจะต้องเข้มงวดเรื่องผังเมือง ผังเมืองทุกจังหวัด โซนที่อยู่อาศัยก็ต้องเป็นโซนที่อยู่อาศัย ทุกวันนี้ผังเมืองยังมีอุตสาหกรรมอยู่กลางเมือง ย่านที่พักอาศัย ฉะนั้น ผลกระทบ PM 2.5 จากผังเมืองมีมาก ถ้าเราวางเรื่องผังเมืองให้ดี จะแยกแยะปัญหาได้ชัดเจน และต่อสู้เรื่อง PM 2.5 ตามพื้นที่ที่เกิดขึ้น
นายสุวัจน์กล่าวต่อว่า ประการที่ 2 เรื่องน้ำมัน ก็ต้องมีการใช้น้ำมันให้น้อยลง โดยเฉพาะน้ำมันมันรถยนต์ เรื่องมาตรฐานของน้ำมัน ยูโรต่างๆ ต้องยอมที่จะลงทุน ลดไอเสียจากการผลิตน้ำมันที่มีคุณภาพ
ประการที่ 3 ทุกวันนี้เรื่องรถไฟฟ้ามาแรง การส่งเสริมอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า EV จะเป็นต้นทุนสำคัญในการต่อสู้ PM 2.5 ประการที่ 4 ฝุ่นที่เยอะทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการก่อสร้างถนน ก่อสร้างตึกอาคาร ยังไม่ค่อยมีมาตรการกันฝุ่นเท่าที่ควร จึงควรมีการแก้ไขเทศบัญญัติ และมาตรการก่อสร้างให้ชัดเจน
ประการที่ 5 ฝุ่นมาจากปัญหาการติดขัดจราจร หากจะเน้นการแก้ไขจราจรที่เป็นต้นเหตุ ตรงนี้แก้ไขปัญหาไปได้เยอะ ประการที่ 6 อุตสาหกรรม โดยเฉพาะโรงงานผลิตไฟฟ้าต่างๆ ที่ยังใช้น้ำมันเตา น้ำมันโซลาร์ วันนี้ต้องหันมาใช้พลังงานทดแทนทั้งหมด จะลดการกำเนิดฝุ่นได้อย่างชัดเจน
ประการที่ 7 ต้องรณรงค์ไม่เผาป่า ซึ่งเป็นต้นเหตุสำคัญ
“พรรคมีนโยบายในเรื่องของ Green Economy ที่ชัดเจน ในการบริหาร สนับสนุน ฟุตปรินท์ในเรื่องคาร์บอนเครดิต อุตสาหกรรมสีเขียว เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในการพัฒนาเศรษฐกิจและลดปัญหาสิ่งแวดล้อมด้วย คือแนวทางของพรรคชาติพัฒนากล้า” นายสุวัจน์กล่าว
