วรวัจน์ ซัด ประยุทธ์ ทำยาสูบไทยเจ๊งหลายหมื่นล้าน จวกปล่อยขบวนการนอกกฎหมายขนบุหรี่เถื่อนขายเกลื่อน
เมื่อวันที่ 25 เม.ย.66 นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ผู้สมัคร ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวในการประชุมเพื่อแสดงวิสัยทัศน์และนำเสนอนโยบายแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวไร่ยาสูบว่า
หลายปีที่ผ่านมารัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ปล่อยปละละเลยให้เกิดการลักลอบนำเข้าบุหรี่เถื่อนจำนวนมหาศาลเข้ามาในประเทศ ซึ่งอัตราของบุหรี่เถื่อนที่นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศสูงถึงร้อยละ 25 ของจำนวนบุหรี่ที่ขายในประเทศ ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ปริมาณการจำหน่ายบุหรี่ของโรงงานยาสูบตกลง จนถึงขนาดที่ขายบุหรี่แล้วไม่เหลือกำไร เมื่อยอดจำหน่ายลดลงยอดการผลิตบุหรี่ก็ลดลงตามไปด้วย ผลที่ตามมาคือการผลิตบุหรี่ลดลงตามไปด้วย จึงไปกระทบกับเกษตรกรชาวไร่ยาสูบที่เคยขายยาสูบได้ปริมาณ หลัก 1,000 กิโลกรัม ลดลงเหลือเพียงหลัก 100 กิโลกรัม หากไม่มีผลกระทบของบุหรี่เถื่อน ชาวไร่ยาสูบสามารถขายใบยาสูบได้อย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 3,000-4,000 กิโลกรัม แต่ปัจจุบันขายได้เพียง 300-400 กิโลกรัม ยอดขายที่ตกต่ำส่งผลกระทบกับรายได้ของชาวไร่ยาสูบโดยตรง
นายวรวัจน์ กล่าวต่อว่า ปัญหาดังกล่าวเกิดจากการบริหารงานที่ผิดพลาดของพล.อ.ประยุทธ์ ที่ตั้งคนที่ไม่มีความรู้ความสามารถเข้าไปบริหารโรงงานยาสูบ หากไปไม่ไหวก็เปิดโอกาสให้เอกชนเข้ามาบริหารแทน ทั้งนี้ รัฐวิสาหกิจที่มีกำไรมาตลอด เหตุใดทำให้รายได้ลดลงจนถึงจุดวิกฤติ เป็นวิธีการที่ไม่ควรเกิดขึ้นจากรัฐบาลที่อ้างว่ามาจากประชาชน ที่ผ่านมากลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกใบยาสูบในหลายพื้นที่ เดินทางมายื่นข้อร้องเรียน พร้อมกับชี้ให้เห็นถึงสถานการณ์ในปัจจุบันของอุตสาหกรรมยาสูบไทย โดยปัญหาทั้งหมดมาจากรัฐบาลปล่อยให้บุหรี่หนีภาษีทะลักเข้าไทย ส่งผลให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 25,000-30,000 ล้านบาท ไม่นับรวมผลกระทบที่เกิดจากอุตสาหกรรม ยาสูบไทยเคยสร้างรายได้เข้าประเทศไม่ต่ำกว่าปีละ 100,000 ล้านบาท
“ชัดเจนว่าในยุครัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ปล่อยให้ธุรกิจผิดกฎหมายเติบโต และตักตวงรายได้เข้ากระเป๋าตัวเองหลายหมื่นล้านบาทต่อปี ดังนั้นหากพรรคพท.เป็นรัฐบาล พร้อมปราบปรามการลักลอบนำเข้าบุหรี่เถื่อนอย่างจริงจัง ทำกฎหมายให้เป็นกฎหมาย หากแก้ปัญหาได้ก็จะสามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรชาวไร่ยาสูบเพิ่มขึ้นได้อย่างแน่นอน พร้อมนำรายที่สูญเสียไปกลับคืนสู่เกษตรกรชาวไร่ยาสูบ” นายวรวัจน์ กล่าว