ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น ดู๋ สัญญา ลูกชายชิมลางงานวงการ ฉายแววนักแสดง

Home » ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น ดู๋ สัญญา ลูกชายชิมลางงานวงการ ฉายแววนักแสดง



ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น ดู๋ สัญญา ลูกชายชิมลางงานวงการ ฉายแววนักแสดง หล่อระดับนายแบบ พ่อไม่ดัน อยากให้ประสบการณ์สอนตัวเอง ไม่จำเป็นต้องบอกว่าเป็นลูกใคร

โตเป็นหนุ่มแล้วหล่อ ออร่า ฉายแววนักแสดง สำหรับ น้องเอม สรรเพชญ์ ที่ต้องบอกว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น เก่งสมเป็นลูกชายพิธีกรดัง ดู๋ สัญญา คุณากร ได้ใจชาวเน็ต เห็นแล้วเป็นต้องกดไลก์ให้รัวๆ ด้วยลุกส์หล่อระดับนายแบบ และได้มีโอกาสถ่ายนิตยาสาร Bride คู่กับดาราสาว วิว วรรณรท

ล่าสุด(3ก.พ.66) ดู๋ สัญญา มาร่วมงานบวงสรวง “ไฟลวง” สถานีโทรทัศน์ อมรินทร์ทีวี เอชดี ซึ่งภายหลังจบงานได้อัพเดตชีวิตของลูกชาย กับเส้นทางความใฝ่ฝันที่สนใจเข้าวงการเหมือนคุณพ่อ

 

ลูกชายกลับมาอยู่ไทยแล้ว? “ไม่ใช่ครับ เพิ่งกลับไปเรียนเมื่อต้นปีครับ จริงๆ เขาเรียน 4 ปีครึ่ง แล้วตอนปี 1 เขาย้ายเมเจอร์จากฝั่งศิลป์ไปวิทยาศาสตร์อยู่ไบโอโลจี ชีววิทยา ก็เลยเรียนนานขึ้น 4-5 ปี กำลังจะเรียนจบเดือนพฤษภาคมนี้ครับ ตอนนี้อยู่อเมริกา”

เห็นน้องออกมาถ่ายแบบนิตยสาร Bride? “ถ่ายเมื่อปลายปีที่ผ่านมาครับ คือเขากลับมาได้ประมาณเดือนหนึ่ง ผมก็ไม่รู้ว่าผู้จัดการเขาชวนไปถ่ายแบบ ผมก็บอกลูกว่าตัวเขาใหญ่ กล้ามใหญ่เกินไป ต้องลีนลงมาให้ได้ ก็ลดลงมาเยอะมาก แต่เขาให้ใส่สูทเลยไม่เห็น”

 

เหมือนเป็นงานชิมลาง? “ใช่ งานทดลอง ผมเชื่อว่างานแสดงจากที่ผมเจอมาเขาต้องฝึกทักษะอีกพอสมควรเลย เพื่อให้ได้ทำงานได้ดีแบบมืออาชีพกับน้องๆ ทีมงาน”

 

เขามีความคิดอยากเข้าวงการ? “เขาก็สนใจ และพยายาม (มีแวว?) ในภายภาคหน้าคิดว่าดูยากครับ เพราะว่าจริงๆ ในยุคสมัยปัจจุบันทุกคนสามารถเป็นนักแสดงผ่านช่องทางของตัวเองในสื่อโซเชียลกันมากมาย แล้วแต่ว่าใครจะออกแบบมาเป็นอย่างไร ฉะนั้นเมื่อช่องทางมากมาย มากกว่าช่องโทรทัศน์หรือช่องอื่นๆ ก็แปลว่าบุคลากรก็จะมากมาย แน่นอนอันดับที่ 1 ความพยายามที่เหนือกว่า จะเอาชนะความพยายามที่ด้อยกว่าเสมอทุกเรื่อง ทุกคนก็มีโอกาสทำได้ดีแหละครับ”

 

น้องจะมาในสายนักร้องหรือนักแสดง? “น่าจะนักแสดง”

ช่วยติวหรือแนะนำลูกอย่างไร? “เคยได้ยินมั้ยเวลาขับรถ อย่าให้พ่อสอนมันจะสอนยากกว่าคนอื่น คนอื่นมันจะตรงไปตรงมาในเรื่องการสอน แต่พอเป็นครอบครัวเดียวกัน มันจะกลายเป็นว่าทำไมพ่อต้องพูดแบบเนี้ยล่ะ ก็จะลำบาก ก็มีช่วงหนึ่งครับที่ผมเคยให้เขาได้ลองเป็นผู้ดำเนินรายการ ตอนสัมภาษณ์ ชาริล ชับปุยส์ เป็นภาษาอังกฤษ รายการที่นี่หมอชิต ผมก็ให้เขาทำนะ คุณรู้มั้ยข้อแม้แรกที่เขาบอกว่าจะทำ เขาบอกว่าตอนถ่ายทำ ผมต้องออกไปจากกองถ่าย ไม่ให้อยู่ดู เขาก็ทำได้ในระดับหนึ่ง”

 

เขาเขินอายคุณพ่อ? “เขาเกร็งครับ ผมมองว่าถ้าเริ่มต้นจากคนธรรมดา หนึ่งเขาก็ไม่ต้องกดดัน สองคนอื่นที่ร่วมงานด้วยก็ไม่ต้องบอกว่าเรากำลังก้าวเข้าสู่สังคมที่ไม่ต้องบอกว่าฉันลูกใคร คุณจะทำอะไรก็ต้องดีด้วยตัวของคุณ รู้สึกแบบนั้นครับ ยุติธรรมกับทุกคนที่ร่วมงานด้วย”

ก่อนหน้านี้เกือบได้เล่นละครเรื่องสุภาพบุรุษจุฑาเทพ 2? “ใช่ครับ แต่ว่าตอนนั้นประเทศเราอยู่ในช่วงที่ยังกำหนดไม่ได้ว่าโควิด-19 จะหยุดไปแค่ไหน โรงเรียน มหาวิทยาลัย อยู่บ้านเรียนออนไลน์ไปนานแค่ไหน ซึ่งในแผนของผู้จัด เขาน่าจะคิดว่ามันจะนานกว่านั้น แล้วอยู่ๆ มันลดลงมา แผนที่เขาจะถ่ายทำมันก็ทำไม่ได้ ลูกผมก็ต้องกลับไปมหาวิทยาลัย ซึ่งทางมหาวิทยาลัยก็บอกว่าหยุดระบบการสอนออนไลน์แล้วนะ คุณต้องกลับมาที่อเมริกาแล้วนะ ก็ต้องกลับไปเรียนเลยทำไม่ได้ครับ”

 

ใจจริงอยากให้ลูกทำงานในวงการ? “ผมว่างานทุกงานจะในหรือนอกวงการ อะไรที่ยังไม่เคยทำแล้วเป็นสิ่งที่ดี มันเป็นโอกาส เป็นสิ่งที่ท้าทาย ถ้าถามเด็กๆ ทุกคน ผมจะเชียร์ให้ลองทำเพื่อจะได้รู้ว่ามันดี ไม่ดี เหมาะสมหรือเปล่า”

น้องเคยได้ลองทำหรือยัง? “ยังไม่ได้ทำไง ยังไม่ได้ถ่าย”

 

งานถ่ายแบบล่ะ? “ถ่ายแบบเขาก็บอกว่าสนุกดี โชคดีว่าวิว วรรณรท เคยเจอกันแล้ว เลยไม่ต้องตื่นเต้นอะไรเท่าไหร่”

 

กระแสมามากเลย? “คือผมอยากให้เขาใส่ชุดที่มันเห็นตัวเขามากกว่า อันนี้ใส่สูทมันดูเป็นเป็นการเป็นงานมากครับ(ชาวเน็ตชมว่าหล่อมาก) ขอบคุณครับ”

 

คาดหวังจากลูกพร้อมดันเต็มที่? “ไม่ดันและไม่คาดหวังด้วยครับ”

ลูกดาราที่เข้าวงการมักจะโดนถูกเปรียบเทียบความสามารถ? “ผมคุยกับนักแสดงหลายคนที่มีลูกและกำลังจะโตอยู่ในวงการ จริงๆ มันก็เหมือนลูกของทุกคนที่เป็นดารา และไม่เป็นดารา เอาจริงๆ มันก็พอๆ กัน ถ้าคุณเป็นดาราแล้วทุกคนเขารู้จักพ่อแม่คุณ แต่คุณทำไม่ดี คุณไม่ตรงเวลา คุณไม่พยายาม ไม่มีสมาธิ คุณอยากจะเล่นโทรศัพท์ เดินไปเข้าฉากแล้วก็จำบทไม่ได้ เล่นไม่ดี ต่อให้เป็นลูกมหาดาราก็ไม่รอด”

ถ้าน้องเรียนจบมีแพลนกลับไทย ไม่ได้จะเรียนต่อ? “แพลนเรียนต่อมี แต่ผมบอกเขาว่าถ้าอยากเรียนต่อให้ลองใช้ชีวิตก่อน สำหรับผมมองว่าโลกมันเปลี่ยนตลอดเวลา คุณจะอยู่ในมหาวิทยาลัย 4-5 ปี พอจบมาปั๊บ คุณจะกลับเข้าไปในสถาบัน แล้วยังไม่เห็นเลยว่าโลกใน 4-5 ปีที่ผ่านมามันเปลี่ยนไปแบบไหน อย่างไร ในโลกนี้คุณต้องการอะไร เดี๋ยวค่อยออกมาเรียนต่อก็ได้ไม่ต้องรีบ”

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ