ลูกชายฟ้องแม่ ปมที่ดิน เล่าอีกมุม อ้างสาเหตุถูกแอบเอาโฉนดไปขาย ยืนยันฟ้องในฐานะผู้จัดการมรดก ซัดพี่สาวไม่ยอมบอกพี่น้อง ด้าน ทนายแจงด้วย
จากกรณี นางเสาวนิจ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 83 ปี ที่ถูกลูกแท้ ๆ ยื่นฟ้องศาลดำเนินคดีอาญาและแพ่งในข้อหา ยักยอกทรัพย์, แจ้งความเท็จ แต่คดีอาญาศาลยกฟ้อง แต่ลูกชายของนางเสาวนิจก็ฟ้องคุณแม่ในคดีแพ่งซึ่งจะต้องขึ้นศาลแขวงนนทบุรี ในวันที่ 5 เม.ย.2565 ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
วันที่ 16 มี.ค.2565 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านของนางเสาวนิจ เพื่อสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นแต่ไม่พบ เนื่องจากนางเสาวนิจไปออกรายการทีวีช่องหนึ่ง แต่ได้พบกับ นายพรนารายณ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 51 ปี ซึ่งเป็นผู้ซื้อที่ดินแปลงที่มีปัญหา และถูกฟ้องเป็นจำเลยที่ 3 ให้ข้อมูลว่า ตนซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวมาจากนางถวัลย์รัตน์ (ขอสงวนนามสกุล) เมื่อปี 2558 โดยมีนายหน้านำมาเสนอขายให้
นายพรนารายณ์ กล่าวต่อว่า แต่เรื่องโฉนดที่เขามีปัญหากันตนไม่รู้เรื่อง เนื่องจากตรวจสอบไปที่ที่ดินแล้วพบว่าเป็นโฉนดจริง จนได้รับหมายว่าตนถูกฟ้องให้ไปสืบพยานในวันที่ 23 พ.ค.2565 ตนก็แปลกใจว่าตนตกเป็นจำเลยได้อย่างไร เพราะตอนที่ซื้อพบว่าเจ้าของเขามีการนำโฉนดไปขายฝากมาแล้วจำนวน 4 ครั้ง ตนจึงคิดว่าเขาเป็นผู้ครอบครองจนมาได้รับหนังสือ จึงตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น
นายพรนารายณ์ กล่าวอีกว่า จึงได้สอบถามนางถวัลย์รัตน์ พบว่านายมานัส (ขอสงวนนามสกุล) น้องชายของเขาไปฟ้องต่อศาลว่าเขาเป็นผู้จัดการมรดก แต่พี่สาวนำไปขายโดยที่เขาไม่รู้เรื่อง โดยเขาฟ้องแม่ เป็นจำเลยที่ 1 นางถวัลรัตน์ เป็นจำเลยที่ 2 และตนเป็นจำเลยที่ 3
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านของนายมานัส เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง โดยนายมนัสโชว์เอกสารเป็นโฉนดที่ดินตัวจริงที่เขาครอบครองอยู่พร้อมทั้งหนังสือพินัยกรรมที่พ่อเขาเขียนไว้ระบุว่า ให้นายมานัส เป็นผู้จัดการมรดก โดยไปแจ้งความว่าโฉนดหาย แล้วไปขอออกโฉนดที่ดินฉบับใหม่ ก่อนนำไปขาย ส่วนสาเหตุที่ฟ้องเพราะพี่สาวไม่ได้มาบอกพวกเราที่เป็นพี่น้องกันทราบแต่แอบเอาไปขายได้เงินไปคนเดียว
นายมานัส กล่าวว่า เรามีกันอยู่ 4 คนพี่น้อง ก่อนหน้านี้แม่ได้ขายที่ดินไปแปลงหนึ่งเป็น 10 กว่าล้าน พี่สาวเป็นคนนำเงินไปลงทุนคนเดียวโดยไม่ได้แบ่งให้ตนกับน้อง ๆ เมื่อพ่อแบ่งที่ดินให้ พวกตนจึงคัดค้านไม่ให้แบ่งที่ดินแปลงนี้กับพี่สาว โดยให้เป็นชื่อของพ่อ ต่อมาพ่อเสียชีวิตที่ดินแปลงดังกล่าวแม่จึงมีสิทธิ์ครอบครองตามกฎหมาย ซึ่งตนเป็นคนเก็บโฉนดไว้ จนมาทราบว่าแม่กับพี่สาวไปแจ้งความหายแล้วไปขอออกโฉนดใหม่ แล้วนำไปขาย
นายมานัส กล่าวต่อว่า ตนมาทราบเรื่องจึงได้ร้องต่อศาลว่าแม่ไม่ใช่ผู้จัดการมรดก ข่าวที่ออกไปทำให้ตนเสียหายว่าฟ้องแม่บังเกิดเกล้า เรื่องจริงตนฟ้องตามสิทธิ์ของผู้จัดการมรดกเท่านั้น แต่แม่มีชื่อเป็นผู้ครอบครองและเป็นโฉนดปลอม จึงต้องฟ้องรวมไปด้วย ตนอยากจะถามพี่สาวว่าแล้วที่เอาเงินที่แม่ขายที่ดินได้ไปใช้หมดทำไม่ไม่พูดให้ประชาชนทราบบ้างว่า เขามีพฤติกรรมอย่างไร เรื่องนี้ตนไม่ขอเคลียร์ทั้งนั้น ต้องนำเงินที่ขายที่ดินแปลงดังกล่าวได้นำมาแบ่งกันอย่างยุติธรรมตนถึงจะไม่ดำเนินคดี
ด้าน ทนายความของนายมนัส ชี้แจงว่า การฟ้องครั้งนี้ไม่ใช้เป็นการฟ้องดำเนินคดีกับแม่ แต่เขาฟ้องในสิทธิ์ของเขาที่เป็นผู้จัดการมรดก ถ้าหากเขาไม่ทำแบบนี้เขาก็อาจจะถูกพี่น้องคนอื่นฟ้องได้ ส่วนคนที่ซื้อไปนั้นเขาก็ไม่ผิดเพราะเขาไม่ทราบว่าโฉนดดังกล่าวมีปัญหา เขาซื้อเพราะเห็นโฉนดนั้นเป็นตัวจริง ลักษณะคล้ายกับกรณีที่พระพยอมซื้อที่ดินจากป้าคนหนึ่งแล้วถูกทายาทฟ้องอาคืน ซึ่งทางพระพยอมเขาไม่ได้มีความผิด ตรงนี้ผู้ที่ซื้อไปก็ต้องไปฟ้องเอาเงินคืนจากนางถวัลย์รัตน์เอง