วันที่ 13 พ.ย. 2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ร่วมประชุมตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กระทรวงการคลัง ตามที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง สั่งให้เร่งดำเนินการฟื้นความเชื่อมั่นหลังจากตลาดหุ้นปรับตัวลดลงแรง
นายกิตติรัตน์ เปิดเผยหลังประชุมว่า ต้องยอมรับตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงแรงต่อเนื่อง หากเทียบปัจจัยพื้นฐานของประเทศ ดังนั้น ในวันที่ 14 พ.ย. กระทรวงการคลังจะหารือกับและสภาตลาดทุนไทย เพื่อหาหลักเกณฑ์และแนวทางในการจัดตั้ง ESG Fund วงเงินหลักแสนล้านบาท เป็นกองทุนที่ลงทุนระยะยาวคล้ายกับ LTF แต่จะเข้าลงทุนในหุ้น ESG เชื่อว่าจะช่วยหนุนตลาดทุนในระยะยาว แต่ไม่ใช่การจัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นกองทุนพยุงหุ้น เป็นกองทุนที่ให้ผู้ที่ซื้อลงทุนสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ คล้าย LTF
นายกิตติรัตน์ กล่าวอีกว่า การหารือได้อธิบายกับผู้บริหารทั้งสามหน่วยงาน เห็นพ้องว่ามาตรการต่างๆ ที่ ก.ล.ต.และ ตลท.ปฏิบัติได้ดีอยู่แล้ว อาจมีข้อกังวลว่ามีการทำ Naked Short Sell เพื่อทุบหุ้นไทย ซึ่งยืนยันได้ว่าไม่มี การทุบหุ้นแต่อย่างใด ซึ่ง ก.ล.ต.และ ตลท.จะยกระดับมาตรการควบคุม Naked Short Sell ให้มีความเข้มงวดมากขึ้นอีก รัฐบาลพยายามเน้นให้ข้อมูลเพื่อสร้างความเชื่อมั่นถึงการพยายามกระตุ้นเศรษกิจให้เติบโต
- ลูกค้าผวา เกิดเหตุระทึกที่ เซ็นทรัลลาดพร้าว สุดท้ายห้างบอกแค่ซ้อม
- รถไฟฟ้าสายสีเขียว เตรียมเก็บค่าบริการโดยสาร ช่วงส่วนต่อขยาย ปลายปีนี้
- นายก เศรษฐา ร้องขอความเป็นธรรม ปม ตำรวจจีน ลั่น ผมไม่ได้สั่ง
นายกิตติรัตน์ กล่าวต่อว่า ในวันที่ 14 พ.ย.นี้ ตนจะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้หนี้ครัวเรือน ที่ขณะนี้สร้างความกังวลให้นักลงทุน เพราะหนี้ครัวเรือนสูงเกิน 90% ของจีดีพี ซึ่งมีสัดส่วนที่สูงและสะสมมานาน ถึงเวลาที่รัฐบาลต้องเร่งจัดการ แต่จะดำเนินการภายใต้กฎหมายที่กำหนดไว้ ไม่ว่าจะเป็นการจัดการหนี้สินของกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) หนี้สินตำรวจ หนี้สินครู หรือหนี้ข้าราชการ ที่มีจำนวนมหาศาล ที่ต้องเร่งแก้ไข
นายกิตติรัตน์ กล่าวอีกว่า ในการหารือเพื่อแก้หนี้ กยศ.จะดำเนินการตาม พ.ร.บ.กองทุน กยศ.ฉบับใหม่ ที่เพิ่งมีผลเมื่อวันที่ 20 มี.ค.2566 ที่กำหนดอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าเดิม คำนวณภาระหนี้สินย้อนหลังด้วย
“ลูกหนี้ กยศ ทั่วประเทศมีประมาณ 3.8 ล้านคน มูลหนี้ประมาณ 1 ล้านล้านบาท หากบังคับใช้กฎหมายใหม่ ตาม พ.ร.บ.กองทุน กยศ. จะทำให้ลูกหนี้ กยศ.หลายคนไม่เหลือหนี้อยู่ หรือคนที่ชำระหนี้ไปแล้วหลายคนอาจได้เงินคืน จากการคำนวณหนี้สินแบบใหม่ ในอัตราดอกเบี้ยใหม่ ที่กฎหมายให้มีผลย้อนหลังในการคำนวณหนี้ โดยหนี้สิน กยศ. หากนำมาคำนวณใหม่ มูลหนี้ที่เหลือค้างใน กยศ. จะเหลือประมาณ 50% เท่านั้น”
นายกิตติรัตน์ กล่าวต่อว่า นอกจากเรื่องของหนี้สินในส่วนของ กยศ. จะหารือเรื่องของการช่วยเหลือเรื่องของหนี้สินครัวเรือนในส่วนของข้าราชการอื่นๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นหนี้ครู หนี้ตำรวจ เพื่อให้แบ่งเบาภาระหนี้สินในระบบให้ลดลง ซึ่งการเร่งดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินจะไม่ดำเนินการลดหนี้ หรือยกหนี้ให้ แต่จะดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนด เพราะรัฐบาลไม่มีสิทธิ์ทำเกินกว่ากฎหมายกำหนดได้