ลูกสาวโวย อ้าง รพ. เรียก 15,000 บาท ค่าขนศพผู้ป่วยโควิดไปวัด สุดท้ายต้องขอความช่วยเหลือมูลนิธิฯ ส่งศพฟรีแทน
หลังจากมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์ข้อความ โดยระบุว่า “เพื่อนในเฟซบุ๊กใคร ใครเป็นนักข่าว สนใจขบวนการหากินกับศพผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ทักมาค่ะ พร้อมหลักฐาน รพ.หนึ่งในจังหวัดชลบุรี เรียกค่าทำศพ เคลื่อนย้ายศพจาก รพ.ไปเผาที่วัด 15,000 บาท ทำเป็นขบวนการร่วมกับสัปเหร่อ จะเรียกเพิ่มอีก 7,500 บาท ข่าวสำนักไหนอยากได้คลิปไปทำข่าว ทักส่วนตัวมาค่ะ”
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (14 ก.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น. ได้เดินทางไปยัง รพ.แห่งหนึ่งใน จ.ชลบุรี เพื่อเข้าพบกับ นางณัฐชา อายุ 51 ปี พร้อมกลุ่มเครือญาติที่กำลังรอการเคลื่อนย้ายศพนางปัน อายุ 78 ปี ผู้เป็นมารดา ที่เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ออกจาก รพ.เพื่อไปประกอบพิธีทางศาสนา
นางณัฐชา พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า ก่อนหน้านี้พี่สาวติดเชื้อโควิด-19 จึงนำตัวส่งเข้ารักษาที่ รพ.แห่งหนึ่งใน จ.สมุทรปราการ ขณะที่คนในบ้านก็ได้เร่งไปตรวจหาเชื้อจนพบว่าติดเชื้อเพิ่มอีก 3 คน คือตนเอง บุตรสาว และมารดา จึงเข้าไปทำการรักษาและกักตัวเช่นเดียวกัน กระทั่งต่อมาพี่สาวเสียชีวิต ส่วนตนเองและบุตรสาวรักษาจนหายและกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ
ส่วนนางปัน มารดาอาการทรุดหนัก ประกอบกับช่วงเวลานั้นที่ รพ.ดังกล่าว มีปัญหาผู้ป่วยติดเชื้อเป็นจำนวนมาก ทาง รพ.จึงย้ายมารับการบำบัดที่ รพ.แห่งนี้ โดยแจ้งว่าที่นี่มีอุปกรณ์เครื่องช่วยหายใจที่ดีกว่า แต่ปรากฏว่ารักษาตัวประมาณ 20 วัน มารดาก็เสียชีวิต
นางณัฐชา กล่าวต่อไปว่า ตนต้องเดินทางมาจากบ้านเพื่อมาแจ้งการเสียชีวิต และเคลื่อนย้ายศพไปฌาปนกิจตามประเพณี จากนั้นจึงกลับมาแจ้งทางเจ้าหน้าที่ของ รพ. ก็ได้รับแจ้งว่าการเคลื่อนศพไปวัดจะมีค่าใช้จ่ายเป็นเงิน 15,000 บาท โดยทาง รพ.จะติดต่อรถมารับพร้อมคนขนศพให้ เพราะทาง รพ.ไม่มีรถขนศพเอง
ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วตนเองทำงานอาชีพเป็นพนักงานในห้างฯ ที่ต้องเลิกงานในเวลาใหม่ที่รัฐกำหนด ทำให้ไม่มีโอที ถูกหักเงินเดือน ค่าใช้จ่ายในครอบครัวก็มาก จึงไม่เข้าใจว่าทำไมการเคลื่อนย้ายศพจึงมีค่าใช้จ่ายที่สูงขนาดนี้ จนทำให้ไม่มีปัญญาจ่าย
ที่สำคัญเป็นผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ทำไมรัฐจึงไม่เข้ามาดูแลให้การช่วยเหลือในภาวะเศรษฐ กิจที่ย่ำแย่ขนาดนี้ ทำให้รู้สึกเสียใจและมองว่าเป็นการซ้ำเติมกันหรือไม่ เหมือน “นี่เป็นการหากินคนตาย” ที่คนเป็นก็คงต้องตายตามไปด้วย
สุดท้ายจึงประสานไปยังมูลนิธิธรรมรัศมีมณีรัตน์ หรือ กู้ภัยมังกร ที่ ต.อ่างศิลา อ.เมือง จ.ชลบุรี เพื่อขอความอนุเคราะห์ ก็ปรากฏว่าทางมูลนิธิฯ สนับสนุนในการจัดรถขนศพและประสานทางวัดช่องลม ต.บางทราย อ.เมือง จ.ชลบุรี เพื่อฌาปานกิจศพให้ โดยทั้งขบวนการไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ทำให้รู้สึกเบาใจและดีใจที่ได้นำศพมารดาออกจาก รพ.และไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาเพื่อส่งดวงวิญญาณสู่สัมปรายภพต่อไป