เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2567 พล.ต.ต.สัมฤทธิ์ เอมกมล ผบก.ภ.ตาก และพ.ต.อ.พิทยากร เทพรัตน์ ผกก.สภ.แม่สอด และพ.ต.ท.เอกรัฐ นุชเฉย รองผกก.สส.สภ.แม่สอด พร้อมด้วยกำลังตำรวจได้นำตัวนายหน่าย มินทวย อายุ 23 ปี บุคคลต่างด้าว สัญชาติเมียนมา ไปประกอบการทำแผน และให้คำรับสารภาพในการฆ่านางมิซาน อายุ 49 ปี ผู้เป็นมารดา ณ บ้านไม่มีเลขที่โซนหมู่บ้านอยู่เจริญ 17 ในหมู่บ้านห้วยม่วง ตำบลท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก โดยก่อนทำแผนเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากพลเมืองดี ว่ามีการฆ่ากันตายที่บ้านหลังดังกล่าว ตำรวจจึงนำกำลังไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ และพบศพนางมิซาน อายุ 49 ปี สัญชาติเมียนมา นอนเสียชีวิตอยู่ทางด้านหลังของบ้านสภาพศพถูกเผาไหม้ยังไม่หมด มีเสื่อปูพื้นปิดบังอำพรางศพไว้ เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าทำการตรวจสอบพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ ต่อมาได้พบนายหน่ายมินทวย  หรือไม้ ไม่มีชื่อสกุล อายุ 23 ปี นั่งอยู่ในห้องนอนของตัวเองท่าทางมีพิรุธ สภาพร่างกายมีบาดแผลจึงได้เข้าทำการสอบถาม และให้การสารภาพทุกขั้นตอน

นายหน่ายมิน ทวย ได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ว่า เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 13 พฤษภาคม 2567 เมื่อเวลาประมาณ 09.00 น. นางมิซานฯ มารดาของตนเองได้มาขอเงินของตนเอง แต่ตนไม่มีให้ จึงได้ทะเลาะกัน และทำการต่อสู้กันตนได้ใช้มีดแทงไปที่ท้องของนางมิซานหลายครั้ง จนนางมิซานถึงแก่ความตาย จากนั้นได้ลากศพนางมิซานฯ ไปซ่อนที่หลังบ้านเพื่ออำพรางศพโดยการเผา และได้ไปซื้อน้ำมันเบนซินจากร้านค้าแถวบ้าน ราดลงบนศพ และทำการเผาแต่ไหม้ไม่หมด จึงได้นำเอาเสื่อปูพื้นมาปิดบังศพเอาไว้ แล้วมาหลบอยู่ที่ในห้องของตนเอง จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาพบ และให้การรับสารภาพว่าตนได้ลงมือฆ่านางมิซานฯ มารดาของตน จากการสอบถามสาเหตุ และแรงจูงใจทราบว่า มารดาของตนได้มาขอเงินแต่ตนไม่มีให้ จึงได้ทะเลาะมีปากเสียง และต่อสู้กัน จนนำไปสู่การลงมือฆ่า และอำพรางศพดังกล่าว

ทางด้านพล.ต.ต.สัมฤทธิ์ ได้สอบถามด้วยตนเองกับนายหน่ายมินทวย ทราบว่า นายหน่ายมินทวยไม่พอใจที่พี่ชายชื่อ นายต้น แก้วตินะ อายุ 25 ปี ได้เรียนจบปริญญาตรี และนางมิซาน ไม่ใช่แม่ของตนเอง ซึ่งทางตำรวจให้โอกาสพูดขอขมามารดาของตนเอง แต่นายหน่ายมิน ทวย ไม่ยอมขอโทษใด ๆ  และไม่มีการหลั่งน้ำตา นายจีเต็ง บิดาของนายหน่ายมิน ทวยบอกว่า นายหน่ายมิน ทวยเป็นบุตรของตนเอง และนางมีซานด้วย ก่อนหน้าที่ไม่อาการแสดงออกอะไร แต่เป็นคนเงียบๆ