วันที่ 9 ต.ค. 67 เมื่อเวลา 20.00 น. คืนที่ผ่านมา หน่วยกู้ภัยสว่างจรรยาธรรมนำตัว นางเตือน อายุ 87 ปี อยู่บ้านหมู่ 12 ต.เจริญสุข อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ไปส่งโรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติ อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ในสภาพเลือดอาบ เพื่อไปรับการรักษา หลังถูกนายจักพงษ์ อายุ 56 ปี ลูกชายแท้ๆ ทำร้ายด้วยการเอาจานกระเบื้องทุบศีรษะแตก แพทย์ตรวจสอบพบว่ามีบาดแผล 2 แห่ง เย็บรวมทั้งหมด 6 เข็ม

สอบถามนางเตือน เล่าว่า หลังจากตนได้รับเงินของรัฐบาลมา 10,000 บาท ยังไม่ไปเบิกเงินออกมา ต่อมานายจักพงษ์ ลูกชาย ซึ่งได้รับเงินดิจิทัล 10,000 บาทเช่นเดียวกัน มาขอเงินตน 7,000 บาท บอกว่าจะเอาไปซื้อวัว 2 ตัว ในราคา 14,000 ให้แม่ออกช่วยครึ่งหนึ่ง ตนก็ให้ไปเหลือไว้ 3,000 บาทจะเอาไว้ใช้ส่วนตัว

ก่อนเกิดเหตุตนกำลังนั่งกินข้าวอยู่ เห็นลูกชายเมามาพูดจาไม่รู้เรื่อง จึงสอนไป ทันใดนั้นลูกชายได้คว้าจานกระเบื้องมาตีหัว 2 ครั้ง จนตนล้มฟุบลงไป ก่อนจะเดินไปขอความช่วยเหลือกับเพื่อนบ้าน ส่วนตัวคาดว่าลูกชายคงอาจจะได้เงินของตนที่เหลืออีก 3,000 อีก จึงไม่พอใจบวกกับเมาเหล้ามาจึงทำร้ายแม่ดังกล่าว

นางฉันทนา อายุ 59 ปี ลูกสาวนางเตือน และเป็นพี่สาวคนก่อเหตุ เพื่อนบ้านตะโกนให้ตนเข้าไปช่วยแม่เพราะวิ่งหนีไปซ่อนตัวอยู่ในบ้าน เกรงว่าจะได้รับอันตราย จึงวิ่งเข้าไปช่วยแล้วพาแม่ไปหาหมอ

นางฉันทนา เล่าอีกว่า ก่อนหน้านั้นน้องชายเมาแล้วตีพ่อเป็นประจำ แต่ไม่เคยตีแม่ หลังจากพ่อเสียชีวิตไปเพราะตรอมใจ น้องชายกลับมาตีแม่อีก ไม่รู้จะแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างไร

ล่าสุดผู้สื่อข่าวสอบถามนายจักพงษ์ ลูกชายนางเตือน ได้ออกมารับสารภาพหลังส่างเมาแล้วว่า ตอนเกิดเหตุไม่ได้เมาหนัก รู้เรื่องทุกอย่าง หลังเงินดิจิทัลออก ตนไปขอเงินแม่ 7,000 บาทจริง เพราะเอามาซื้อวัวเลี้ยง ตนก็เอาไปซื้อจริง ตอนนี้ยังไม่เห็นหน้าแม่เลย ไม่รู้ไปอยู่ไหน ลึกๆก็ยังอยากจะขอโทษแม่เหมือนกัน แต่ไม่รู้จะขอโทษยังไง ทำไม่ค่อยเป็น ส่วนสาเหตุเพราะแม่บ่นไม่ยอมหยุด จึงเอาจานข้าวตีหัวไป 2 ครั้ง ยืนยันไม่ได้เมาจนจำความไม่ได้ ยอมรับว่าไม่ได้พาแม่ไปหาหมอเพราะยังอารมณ์ไม่ดี