แม่แจ้งความถูกลูกชายวัย 35 ปี ข่มขืนคาบ้าน ก่อนหน้านี้เพิ่งทำร้ายพ่อแท้ๆ จนอยู่บ้านไม่ได้ต้องย้ายไปอยู่ในสวนยาง

พ.ต.ท.สนธศักดิ์ สร้อยผาบ รอง ผกก. (สอบสวน) สภ.ดงหลวง พร้อมด้วยตำรวจ สภ.ดงหลวง  เข้าจับกุมพร้อมนำตัว นายสิทธิชัย อายุ 35 ปี เข้าสอบปากคำหลังจากก่อเหตุข่มขืนแม่ของตัวเอง โดยเหตุเกิดเมื่อเวลา 03.30 น. วันที่11 กันยายน 64  โดยเจ้าที่ตำรวจได้รับการแจ้งจากผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 2 ต.พังแดง  อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ว่ามีเหตุทะเลาะวิวาท จึงลงพื้นที่ตรวจสอบพื้นที่ตรวจสอบ ได้พบกับ นางเหวย อายุ 55 ปี  วิ่งออกมาจากบ้านพร้อมกับแจ้งเจ้าหน้าที่ว่าถูกลูกชายคือนายสิทธิชัย ทำการข่มขืน เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้เข้าไปตรวจสอบภายในบ้าน พบผู้ก่อเหตุยืนอยู่ภายในบ้าน สวมใส่กางเกงขาสั้นตัวเดียว พูดจาไม่รู้เรื่อง เจ้าหน้าที่จึงเข้าทำการเกลี้ยกล่อมก่อนจะยอมมอบตัวในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวสอบปากคำที่ สภ.ดงหลวง

เวลาต่อมา นางเหวย อายุ 55 ปี  แม่ผู้ก่อเหตุ ได้เดินทางเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อที่จะดำเนินคดีกับลูกชายของตนเอง  พร้อมกับเข้าตรวจร่างกายเบื้องต้นที่โรงพยาบาลดงหลวง อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร เพื่อที่จะนำหลักฐานการตรวจร่างกายจากโรงพยาบาลมาส่งมอบให้กับตำรวจ

ด้าน พ.ต.ท.สนธศักดิ์  สร้อยผาบ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.ดงหลวง เปิดเผยว่า จาการสอบสวนเบื้องตนผู้ต้องหาได้ปฏิเสธว่า ไม่ได้กระทำแม่ของตนเอง จำได้แค่ว่าช่วงเวลาดังกล่าวตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำ แต่ทางตำรวจชุดสืบสวนยังไม่ปักใจเชื่อ เพราะทางแม่ยืนยันว่าลูกชายได้กระทำจริง โดยทางร้อยเวรได้ประสานตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าเก็บหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์แล้ว

นายสัน อายุ 50 ปี  เพื่อนบ้าน  เล่าว่า พ่อและพี่ชายของผู้ก่อเหตุอาศัยอยู่ที่สวนยางพาราจะเข้ามาบ้านเป็นบางครั้ง ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 64 นายสิทธิชัย ได้ทำร้ายพ่อแท้ๆ ของตนเองจนพ่อไม่สามารถเข้ามาอยู่ที่บ้านได้ ต้องไปอาศัยอยู่ที่สวนยางพารา ส่วนวันเกิดเหตุ นางเหวย ได้เล่าให้ฟังว่า ลูกชายของตนเองได้เดินแก้ผ้ามาจากบนบ้านแล้วเข้ามาข่มขืน โดยการจับแขนทั้ง 2 ข้างแล้วถอดกางเกงก็ข่มขืนจนสำเร็จความใคร่  แล้วก็เดินไปห้องน้ำแม่ก็ตามไปแล้ว  นายสิทธิชัย  ก็เดินออกจากห้องน้ำขึ้นไปนอนอยู่บนบ้านต่อ  จนแม่ได้ไปขอความช่วยเหลือตน ก่อนจะไปแจ้งผู้ใหญ่บ้านพร้อมประสานตำรวจมาจับตัวผู้ก่อเหตุ

ซึ่งตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังอยู่ระว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน  เพื่อที่จะทำการเอาผิดกับผู้ก่อเหตุ เพราะผู้ก่อเหตุยังคงให้การยืนยันว่าตัวเองไม่ ได้ก่อเหตุดังกล่าว