วันที่ 4 ส.ค. 2567 เมื่อเวลา 12.50 น. พ.ต.อ. สมเกียรติ โฉมฉาย ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ได้รับแจ้งเหตุมีลูกชายเกิดอาการคุ้มคลั่ง อาละวาด ใช้อาวุธมีดฟันหัวแม่จนเสียชีวิต จึงนำกำลังรุดตรวจสอบพื้นที่ พร้อมทั้งประสานตำรวจพิสูจน์หลักฐาน จังหวัดเพชรบุรี หน่วยกู้ชีพโรงพยาบาลชะอำ และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างสรรเพชรธรรมสถาน จังหวัดเพชรบุรี

บริเวณพื้นที่เกิดเหตุบริเวณคอกวัว หมู่ 5 บ้านปากคลอง ตำบลบางเก่า อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี พบชายวัยกลางคน ไม่สวมเสื้อท่อนบน ใส่กางเกงขาสั้นสีดำ ถืออาวุธมีดและมีจอบวางอยู่ข้างตัว อยู่ในอาการโวยวายพูดจาไม่รู้เรื่อง ทราบชื่อคือ นายนวพล หรือ ตี๋ ลี่เซ่นเฮง อายุ 38 ปี ชาวบ้านท่าปากคลอง ต.บางเก่า อ.ชะอำ นั่งอยู่บนเก้าอี้ ใกล้กันพบศพ นางสาวพิศวง วัย 59 ปี ผู้เป็นมารดา ถูกอาวุธมีดฟันที่บริเวณศีรษะ นอนคว่ำหน้า เสียชีวิตคารถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า เมทสีน้ำเงิน ทะเบียนเพชรบุรี

• รับไม่ได้! แม่ร่ำไห้ รับศพลูกชาย ครูฝึกนักบิน ทั้งน้ำตา หลังเหตุเครื่องบินตก
• เกือบไม่รอด! หนุ่มพังงา หนีตายเข้ากรุงเทพฯ หลังโดนผู้มีอิทธิพลไล่ยิง
• ภูมิธรรม เลื่อนแถลงลงทะเบียนร้านค้า ร่วมดิจิทัลวอลเล็ต ไปอีก 1 เดือน

ด้านนางสาวสาวิตรี อายุ 35 ปี อดีตภรรยานายนวพลผู้ก่อเหตุ กล่าวว่า ตนอยู่กินกับนายนวพล มาหลายปี มีลูกด้วยกัน 2 คนนายนวพลมีอาชีพรับจ้างลงเรือประมงหาปลาจนกระทั่งติดยาบ้าและเริ่มเสพหนักจนถึงขึ้นมีอาการหลอน ตนทนไม่ไหวจึงได้เลิกลากับนายนพพลมาหลายปีแล้วจนมาทราบว่าพักหลัง ๆ ติดยาหนักจนไม่มีใครจ้างงานและก่อเหตุดังกล่าวขึ้น

นางไฟ ป้าของผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า ปกติแล้วผู้ก่อเหตุกับแม่มักไม่ค่อยถูกกัน มักจะมีปากเสียงกันเป็นประจำอยู่แล้ว พักหลังผู้ก่อเหตุได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดจนสติประสาทหลอน โดยก่อนเกิดเหตุ แม่ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์คันดังกล่าว มาตามผู้ก่อเหตุให้กลับไปบ้าน กระทั่งผู้ก่อเหตุใช้อาวุธมีดและจอบตีเข้ามาที่บริเวณศีรษะของแม่จนเสียชีวิต

ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำบุคคลที่สนิทคุ้นเคยของผู้ก่อเหตุ มาทำการเจรจาเกลี้ยกล่อมใช้เวลากว่า 20 นาที นายนวพลฯ ได้ยินยอมและเดินเข้ามามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ยังคงอยู่ในอาการคุ้มคลั่งตลอดเวลา เบื้องต้นได้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวไปทำการสอบสวนเพิ่มเติมที่สถานีตำรวจภูธรชะอำ จังหวัดเพชรบุรี

ด้าน พ.ต.อ. สมเกียรติ โฉมฉาย ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรชะอำ จังหวัดเพชรบุรี เปิดเผยว่า หลังจากได้รับแจ้งเหตุได้สั่งการให้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเข้าควบคุมสถานการณ์ โดยใช้วิธีการเจรจากับผู้ก่อเหตุ ซึ่งก็เป็นผลดีกับทุกฝ่าย สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ในที่สุด