ลูกชายเดือด คังคุไบไม่เคยเป็นโสเภณี ลั่นไม่เคยขออนุญาตถ่ายทำ แถมหนังบิดเบือนเกินจริง ทำเสื่อมเสียชื่อเสียง เพราะความโลภเงินของคน
หนึ่งในกระแสภาพยนตร์สุดร้อนแรงบนโลกออนไลน์ที่ควรค่าแก่การรับชมในขณะนี้ คือ หญิงแกร่งแห่งมุมไบ (Gangubai Kathiawadi) ที่เป็นภาพยนตร์อินเดียสุดทรงพลังในการขับเคลื่อนสังคมฉายทางช่องทาง Netflix ซึ่งมาแรงถึงขนาดทะยานสู่อันดับ 1 Top 10 อันดับสูงสุดของไทยในการเปิดตัวสัปดาห์แรก
โครงเรื่องสร้างจากหนังสือนวนิยายชื่อว่า Mafia Queen of Mumbai เขียนโดย ฮุสเซน ไซดี (Hussain Zaidi) ที่เป็นนวนิยายอิงชีวประวัติสร้างจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตของบุคคลที่มีจริง โดยตัวละครเอกสาวสวยนัยตาคมเข้ม คือ คังคุไบ นายหญิงกามธิปุระที่เผชิญหน้ากับชะตากรรมสุดเศร้า ก่อนพลิกชีวิตและฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ เพื่อสิทธิความเท่าเทียมของอาชีพโสเภณีในอินเดียให้ถูกกฎหมาย จนได้รับการขนานนามว่าราชินีมาเฟียแห่งมุมไบ
อย่างไรก็ตาม หลังจากตัวอย่างหนังถูกฉายในประเทศอินเดียก็เกิดข้อพิพาทระหว่างครอบครัวของคังคุไบ กฐิยาวาฑี นำโดยบาบู ราวจี ชาห์ ลูกชายบุญธรรมและภารตี โสณวรรณี หลานสาว กล่าวว่าการแสดงภาพที่เกินจริงในภาพยนตร์ทำให้ครอบครัวลำบากใจมากและทำให้แม่ของเขาเสียชื่อเสียง เนื่องจากคังคุไบ กฐิยาวาฑีเป็นเพียงนักเคลื่อนไหวทางสังคม ไม่ใช่โสเภณี พร้อมยื่นคำร้องต่อภาพยนตร์เรื่อง Gangubai Kathiawadi ในปี 2564
ศาลในมุมไบได้เรียกซันเจย์ ลีลา ภันสลี ผู้กำกับและอเลีย บาตต์ นักแสดงสาวมาในคดีนี้ด้วย ต่อมาศาลสูงแห่งเมืองมุมไบปฏิเสธที่จะระงับการฉายภาพยนตร์คังคุงไบ แต่ยังคงอนุญาตให้ยุติการฉายชั่วคราว เหตุมีการดำเนินคดีหมิ่นประมาททางอาญากับผู้สร้างภาพยนตร์ สำนักข่าว ANI รายงาน ศาลฎีกาเสนอแนะให้ผู้กำกับเปลี่ยนชื่อหนังเรื่องใหม่ เพื่อแก้ไขข้อขัดแย้ง หลังมีการยื่นฟ้องหลายคดีต่อภาพยนตร์เรื่องนี้ที่ต้องการยุติการฉาย
ทางอินเดียทูเดย์ได้ขอสัมภาษณ์ บาบู ราวจี ชาห์ โดยเขากล่าวว่า “แม่ของฉันกลายเป็นโสเภณี ผู้คนต่างพูดถึงแม่ของฉันอย่างเข้าใจผิด” นเรนทรา ทนายความครอบครัวของคังคุไบกล่าวว่า ทั้งครอบครัวต่างตกตะลึงตั้งแต่ปล่อยตัวอย่างภาพยนตร์ “คังคุไบถูกพรรณนาอย่างผิด ๆ และไร้เหตุผล ซึ่งค่อนข้างหยาบคายมาก เนื่องจากจู่ ๆ ก็มีคนมายัดเหยียดคุณกำลังเป็นตัวแทนของนักเคลื่อนไหวทางสังคมในฐานะโสเภณี ครอบครัวไหนจะชอบมัน คุณทำให้เธอเป็นหญิงมารยา”
นเรนทรา ยังเปิดเผยว่าคดีที่บาบู ราวจี ชาห์ยื่นฟ้องนั้นยังอยู่ระหว่างการพิจารณาอย่างไร ระบุว่า “ปัญหาของระบบกฎหมายของเรา คือ แทนที่จะทำอะไรบางอย่างเกี่ยวกับการบิดเบือนความจริงอย่างร้ายแรง แต่คุณถูกขอให้แสดงหลักฐานว่าเป็นลูกชายของคังคุไบจริง ๆ หรือไม่ แม้ว่าเราจะพิสูจน์ในศาลแล้ว แต่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงตอนนี้”
“การต่อสู้ของเราเริ่มต้นในปี 2563 เมื่อลูกชายรู้ว่ามีการสร้างภาพยนตร์เกี่ยวกับชีวิตของคังคุไบ หลังจากได้เห็นรูปแม่ของเขาในการโปรโมตภาพยนตร์เรื่องนี้ ตั้งแต่นั้นมาครอบครัวหลบซ่อน ย้ายบ้าน และญาติ ๆ หลายคนตั้งคำถามว่าคังคุไบเป็นโสเภณีจริง ๆ หรือ มิใช่นักสังคมสงเคราะห์อย่างที่บอก ตอนนี้ สภาพจิตใจของครอบครัวย่ำแย่ ไม่มีใครอยู่ได้อย่างสงบสุข“
“เราได้ส่งหนังสือแจ้งไปยังซันเจย์ ลีลา ภันสลี ผู้กำกับและฮุสเซน ไซดี ผู้เขียนหนังสือที่ดัดแปลงเรื่องราวของคังคุไบโดยอิงจากเรื่องราวที่ผู้คนในละแวกใกล้เคียงและคนรู้จักของเธอ ซึ่งเขาได้เขียนหนังสือโดยไม่มีหลักฐานใด ๆ อย่างไรก็ตาม ไม่ได้รับการตอบกลับจากพวกเขา ขณะนี้สถานะคำร้องอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา สิ่งที่เราได้ยินก็คือเรื่องสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ความหวังสุดท้ายของเราอยู่ที่ศาลฎีกา ไม่มีการยื่นเรื่องแบบนี้ในระบบตุลาการของอินเดีย”
ภารตี โสณวรรณี หลานสาวของคังคุไบกล่าวว่า “ผู้กำกับดูหมิ่นภาพลักษณ์ของคุณยาย ทำให้ครอบครัวเสียชื่อเสียงเพราะความโลภเงิน ซึ่งไม่มีใครรับได้ คุณไม่ได้ขอความยินยอมจากครอบครัวก่อนที่จะดำเนินการสร้างโปรเจ็กต์นี้ ไม่ได้มาหาเราขณะเขียนหนังสือ และไม่ได้ขออนุญาตเราก่อนสร้างภาพยนตร์ด้วย ทนายความของเรากำลังดำเนินการเพื่อหยุดยั้งไม่ให้มีการฉายภาพยนตร์ เรากำลังถูกปฏิเสธความยุติธรรมและโอกาสตั้งแต่ปี 2563”
“ยายของฉันเคยอาศัยอยู่ที่กามธิปุระคือเรื่องจริง แต่หญิงทุกคนที่นั่นกลายเป็นโสเภณีหรือเปล่า ยายของฉันรับเลี้ยงบุตรบุญธรรม 4 คนที่นั่นในปี พ.ศ. 2490 ประกอบด้วยลูกสาว 2 คนและลูกชาย 2 คน เรามาจากครอบครัวนี้ แต่ตอนนี้มาบอกว่าเราผิดกฎหมาย เมื่อคุณยายผ่านการรับเลี้ยงบุตรบุญธรรม กฎหมายการรับเลี้ยงบุตรบุญธรรมที่เข้มงวดดังกล่าวไม่มีผลบังคับใช้”
“เราเคยเล่าเรื่องราวของคุณย่าของเราด้วยความภาคภูมิใจ แต่หลังจากปล่อยตัวอย่างภาพยนตร์ออกมา ผู้คนโทรมาถามเราสายแทบไหม้ว่า เธอถูกแสดงเป็นโสเภณีได้อย่างไร คุณยายของฉันทำงานอย่างหนักเพื่อยกระดับอาชีพโสเภณีตลอดชีวิตของเธอ แต่ตอนนี้คนเหล่านี้ทำให้ยายของฉันเป็นตัวอะไร”
“ฉันอยากจะขอให้เขาจินตนาการถึงแม่ในมุมมองเดียวกัน ที่เขาเคยวาดภาพคุณยายของฉันในภาพยนตร์เรื่องคังคุไบ เป็นธรรมได้อย่างไร? นี่เป็นการหมิ่นประมาทและฉันจะไม่ทนต่อสิ่งนี้ เธอเป็นคุณยายของฉัน ไม่ใช่ความผิดของเธอที่เธออาศัยอยู่ที่กามธิปุระ ขอพูดอีกครั้ง เธอไม่ใช่โสเภณีอย่างที่ปรากฏในภาพยนตร์“
“ถ้าเขาอ้างว่าสร้างภาพยนตร์จากหนังสือเกี่ยวกับผู้เสียชีวิต เขาควรจะมีความรู้พื้นฐานว่า ต้องได้รับอนุญาตจากมีลูกหลานของผู้ตาย เมื่อคุณสร้างภาพยนตร์เกี่ยวกับบุคคลจริง คุณต้องตระหนักว่ามีเรื่องทางกฎหมายด้วย”
ทางอเลีย บาตต์ นักแสดงสาววัย 29 ปีกล่าวกับสำนักข่าว ANI ว่าข้อพิพาทเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้ทำให้เธอกังวล “ไม่มีข้อโต้แย้งหรือความคิดเห็นใด ๆ มารบกวนฉัน ฉันไม่คิดว่าจะมีอะไรมากวนใจฉันเกินจุดหนึ่ง”
“แน่นอนว่าฉันรู้สึกเหมือนมีความแปลกใหม่บางอย่างที่เป็นแค่ส่วนหนึ่งของภาพยนตร์ ไม่ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นภาพยนตร์ที่ดีหรือไม่ดี นั่นไม่สำคัญ ผู้ชมตัดสินใจและตระหนักได้เองหลังจากดูหนัง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก่อนหรือหลังก็ไม่มีอะไรสามารถเปลี่ยนแปลงชะตาได้”
ขอบคุณที่มาจาก Indiatoday Ndtv Times of india