จากกรณี ลุงแก่ อายุ 74 ปี ร่ำรวยเป็นพันล้าน มาร้องกับสื่อมวลชน ว่าถูกผู้หญิงคนหนึ่งที่มีคนแนะนำมาให้เรารู้จักเมื่อเกือบ 20 ปีก่อน มีการไปนัดเจอกัน คบหากันมาทั้งที่ตนเองมีภรรยา มีลูกแล้ว ปรากฎว่าผู้หญิงผลาญเงินไปเป็นร้อยล้าน ทั้งยังมาจับได้ว่าแอบคบผู้ชายคนอื่นอีกหลายคน
ลุงแก่ เล่าในรายการโหนกระแสว่า ตอนที่เรารู้จักกับเขา ณ เวลานั้นเราอายุ 50 กว่า ส่วนเขา 20 ปลายๆ ทราบว่าเขาทำงานอีเวนต์ คนที่แนะนำมาเขาบอกว่า น้องผู้หญิงเดือดร้อนต้องการเงิน ก็เลยให้เขามาเจอหน้ากัน มาลองคุยกันดู แล้วพอได้พูดคุย เห็นว่าชีวิตเขาน่าสงสาร ก็เลยพูดคุยคบหากันมาเรื่อย
คบหาคุยกันได้ไม่นาน เขาโทรมาหาเรา บอกว่าพ่อเขาล้มหัวฟาดโต๊ะ เลือดคั่งในสมอง ต้องผ่าตัดด่วน ต้องใช้เงิน 5 แสน เราก็ให้เขาไปเลยทันที 5 แสนบาท หลังจากนั้นไม่นาน เราก็ออกรถ BMW ป้ายแดง ให้เขา 1 คัน ราคาร่วม 2 ล้านกว่าบาท เวลาพาเขาไปห้าง เขาชอบแต่งตัว เขาก็ซื้อเสื้อผ้าเยอะทุกครั้ง ให้เงินเขาใช้ทุกเดือน บางเดือน 1 แสน 2 แสน 3 แสนบ้าง คบกันได้ครบ 1 ปี ตนก็ออกรถ Audi TT ให้อีกหนึ่งคัน
ลุงแก่บอกว่า ตนเคยมีภรรยาคนแรก จดทะเบียนสมรส มีลูกด้วยกัน แต่เลิกรากันไปเมื่อ 20 กว่าปีก่อน แล้วก็มามีภรรยาคนที่สอง ไม่ได้จดทะเบียน ส่วนผู้หญิงคนนี้เหมือนเราเลี้ยงไว้เป็นผู้หญิงอีกคน ภรรยาก็คงจะรู้ แต่เขาไม่เคยมายุ่ง
อยู่กันมาได้ระยะหนึ่ง เขาบอกว่าอยู่กับพ่อกับแม่ ตนยังซื้อรถเบนซ์คันเล็กๆ ให้พ่อเขาไว้ใช้ แต่ตนเริ่มสงสัยว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ไม่เคยให้เราไปเจอพ่อแม่เขาเลย ก็เลยให้ลูกน้องตามไปดู จนมารู้ว่าเขาไปเช่าแฟลตอยู่ แล้วมารู้ว่าผู้หญิงมีแฟน 1 คน ตนก็โกรธที่เขาโกหก ก็เลยบอกว่าให้เลิกกัน เขาก็ยอมเลิก แล้วหายไป 1 ปี
ผ่านไป 1 ปี เขาโทรกลับมาหา บอกว่าขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม อยากจะกลับมาอยู่ด้วย ต่อไปนี้จะไม่โกหกแล้ว จะพูดตรงๆทุกเรื่อง สุดท้ายก็เลยกลับมาคบกันอีก เคยมีครั้งหนึ่งเมื่อ 8-9 ปีก่อน ภรรยาตนเดินไปเจอเขาที่ห้าง ภรรยาก็เดินเข้าไปกระชากผม แต่ไม่ได้ด่า ไม่ได้ตบ แค่ดึงผมก็แยกย้ายกัน หลังจากนั้นไม่นานก็เลิกกับภรรยา เหลือเขาคนเดียว
พอกลับมาคบกันรอบนี้ก็ซื้อรถหรูให้เขาอีกหลายคัน ตนมองว่าถ้าใช้เงินไปเรื่อยแบบนี้ แก่ตัวไปก็จะลำบาก ห่วงอนาคตของเขา ก็เลยเปิดบริษัทให้ ลงทุนให้ เขาเป็นเจ้าของบริษัทมีอำนาจลงนามต่างๆ ทั้งหมด เขามาขอเพิ่มทุนต่างๆ ก็ออกให้หมด เขาก็ไปลงทุนทำเครื่องมือแพทย์กับเพื่อนเขา บริษัทให้เงินเดือนตน เดือนละ 7 หมื่นบาท แต่พอเลิกรากันเขาก็หยุดจ่ายเงิน
ให้เงินสดเขาใช้เดือนละหลายแสน เวลาไปช้อปปิ้งก็จ่ายให้ เอาเฉพาะเงินสดที่เขาใช้จ่ายเวลาอยู่กับตน ปีๆ หนึ่งตกปีละ 30 กว่าล้าน คบกันมา 17-18 ปี หมดกับเขาไปเป็นร้อยล้าน ลุงแก่มีทองคำหนัก 1,000 บาท คิดเป็นมูลค่าร่วม 19 ล้าน แต่ขายไปหมดแล้ว ขายไปเงินส่วนใหญ่ก็ไปอยู่กับผู้หญิงคนนี้
ที่ทำให้เจ็บช้ำคือ แต่มาจับได้ทีหลังว่า เขาแอบไปคบกับผู้ชายรุ่นน้อง แล้วก็กลับไปคบกับแฟนหมอที่เคยจับได้ก่อนหน้านี้แล้ว คบทีเดียวหลายๆ คน
ลุงแก่บอกว่า ตลอดเวลาที่คบหากับเขา ตนไปเช้าเย็นกลับ ไม่เคยนอนค้างกับเขาเลย เขาไม่เคยให้ตนนอนค้าง ส่วนตนก็จะกลับบ้านตลอด เขาบอกว่าถ้าเราแก่ตัวไปเขาจะดูแลเรา หวังฝากผีฝากไข้กับเขา เขาพูดเสมอว่าจะคอยดูแลเรา จึงทำพินัยกรรม ยกทรัพย์สินทุกอย่างไว้ให้เขา เพราะตนมองว่าตนให้เงินลูกๆ ไปหมดแล้ว
ขณะที่คุณมาย ฝ่ายหญิงคู่กรณี โฟนอินเข้ามาเล่าว่า คบกับลุงแก่มา 20 ปี ในพินัยกรรมเขียนไว้ชัดเจนว่าตั้งแต่ 2546 อยากจะย้อนถามว่า อยู่กันมา 20 ปี เราจะยักยอกทรัพย์ได้ยังไง มันเป็นไปไม่ได้ ถ้าเราไม่ดี จะอยู่กันมาได้ยังไงตั้ง 20 ปี ทำไมเขาไม่เลิกไปตั้งแต่แรก แล้วที่มีเรื่องกันครั้งนี้ เราไม่ได้ไล่เขา ไม่ได้ทะเลาะอะไรกับเขา เขามาขอเงิน แล้วไม่ได้ตามที่ขอ ตนถามว่าเดือดร้อนเงินเรื่องอะไร เขาก็ไม่บอก บอกว่าไม่ต้องมายุ่ง พอไม่ได้เงินตามที่ขอ ลุงก็น้อยใจหนีไปเอง
สิ่งที่ลุงแก่มาทำกับเราทุกวันนี้ มันเหมือนการตามราวี มาไล่บี้เอาอะไรกับเรา ในเมื่อเขาใช้จ่ายไปกับคนนั้นคนนี้ แล้วพฤติกรรมการเอาผิด การฟ้องคนนั้นคนนี้ ลุงแก่ไม่ได้ทำกับเราคนเดียว เขาไปไล่ฟ้องคนรอบตัวที่ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจเขา
เราเป็นคนกตัญญูมากพอ อยู่กับเขามา 20 ปี ปฏิบัติกับเขาอย่างดีทุกอย่าง แม้แต่ปีที่แล้วเขาไปผ่าตัดส่องกล้องที่โรงพยาบาล เราก็ไปดูแล จัดการค่าใช้จ่ายทั้งหมด จะบอกว่าเราไม่ดูแลได้ยังไง เขาทวงบุญคุณตั้งแต่วันแรกที่รู้จักเรา จนถึงวันที่เรามีด้วยตัวเราเอง เขาทวงบุญคุณทุกครั้งที่ไม่พอใจ ก็ต้องยอมรับว่าตอนแรกเริ่มบริษัทเขาเป็นคนเริ่มต้นให้ แต่เราทำมา 13 ปี ทำเองมาทั้งหมด หาเงินเข้าบริษัท มันก็ต้องเป็นน้ำพักน้ำแรงของเรา เพราะเขาไม่ได้มาช่วยทำงาน เรานับถือเขาในฐานะเป็นประธานบริษัท
ฝ่ายหญิงยืนยันว่า เขาจะพูดอะไรก็พูดได้ คำพูดคนอยากจะพูดอะไรก็พูด อะไรที่พูดแล้วเขาจะดูไม่ดี อะไรที่เป็นข้อเสียของเขาเขาก็ไม่พูดอยู่แล้ว แต่ข้อเท็จจริงไปสู้กันในศาลดีกว่า คำพูดมันแย้งเอกสารไม่ได้อยู่แล้ว ตอนนี้เรื่องทรัพย์สินอะไรต่างๆ อยู่ในชั้นศาลหมดแล้ว