ลุงทรมานโรคปอด – รอยเตอร์ และ เอเอฟพี รายงานว่า นายบิกเตอร์ เอสโกบาร์ เป็นชาวโคลอมเบียคนแรกในประเทศ สามารถเลือกเสียชีวิตได้ด้วยวิธีการุณยฆาตตามกฎหมาย แม้จะไม่ใช่ผู้ป่วยใกล้ตาย (non-terminal illness) เมื่อช่วงปลายของวันศุกร์ที่ 7 ม.ค. ตามเวลาท้องถิ่น
ก่อนเสียชีวิต นายเอสโกบาร์ วัย 60 ปี เฉลิมฉลองสิ่งที่เขาเรียกว่าเป็นชัยชนะในการใช้เวลาต่อสู้ 2 ปี กับโรคปอดที่ทำให้เขาไม่สามารถหายใจด้วยตนเองได้ จากนั้น เข้ารับการุณยฆาตในคลินิกแห่งหนึ่งในกาลี เมืองหลักของจังหวัดบาเยเดลเกากา ทางตะวันตกของประเทศ
“เราบรรลุเป้าหมายสำหรับผู้ป่วยคนอื่นเหมือนผม ที่ไม่ใช่ผู้ป่วยใกล้ตายแต่เป็นความทรุดโทรมของร่างกาย เพื่อชนะการต่อสู้ครั้งนี้ การต่อสู้ที่เปิดประตูให้ผู้ป่วยคนอื่นๆ ที่ตามหลังผม และผู้ต้องการเสียชีวิตอย่างสง่างามตอนนี้
“ผมไม่ได้บอกว่า “ลาก่อน” แค่บอกว่า “พบกันใหม่” ” นายเอสโกบาร์ ซึ่งเป็นคริสตชนนิกายคาทอลิก กล่าวในวิดีโอข้อความที่มีการเผยแพร่ไปตามสื่อต่างๆ
นายลูอิส กีรัลโด ทนายความของนายเอสโกบาร์กล่าวกับรอยเตอร์วา นายเอสโกบาร์ต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังระยะสุดท้าย ซึ่งทำให้คุณภาพชีวิตย่ำแย่ลงอย่างมาก รวมถึงเงื่อนไขอื่นๆ อีกหลายประการ
นายเอสโกบาร์ใช้เวลาต่อสู้มา 2 ปี เพื่อสิทธิการุณยฆาต จากการเผชิญเสียงคัดค้านจากหมอ คลินิก และศาล และคริสตจักรที่คัดค้านการช่วยฆ่าตัวตายแก่ผู้อื่นอย่างเด็ดขาด แม้ว่าเมื่อเดือนก.ค. 2564 ศาลสูงจะขยายสิทธิการเสียชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี ครอบคลุมไปถึงผู้ไม่ใช่ผู้ป่วยใกล้ตาย (terminal illness) เพียงอย่างเดียว
วิดีโอสุดท้ายของนายเอสโกบาร์ที่ยังมีชีวิตอยู่เผยเขาที่มีรอยยิ้มและครอบครัวที่ล้อมรอบ ก่อนถูกวางยาสงบและได้รับการฉีดยาตาย และไม่นานก่อนเสียชีวิต นายเอสโกบาร์กล่าวว่า พระเจ้าไม่ทรงชอบที่จะเห็นคนทนทุกข์ทรมาน “ผมไม่คิดว่าพระเจ้าจะทรงลงโทษผมที่พยายามหยุดความทุกข์ทรมาน”
นอกจากโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังระยะสุดท้าย นายเอสโกบาร์ยังมีโรคเบาหวานและโรคหลอดเลือดหัวใจ ทำให้เขาต้องนั่งรถเข็นและมีอาการกระตุกที่ทำให้ร่างกายทรุดโทรม ส่งผลให้ครอบครัวของเขาสนับสนุนแนวคิดการุณยฆาต
นายเอสโกบาร์กล่าวว่า ป่วยจากการทำงานหลายปีในการในการสัมผัสกับแร่ใยหิน ซึ่งเป็นวัสดุฉนวนที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าก่อมะเร็ง และเคยยื่นคำการุณยฆาต แต่ถูกคณะกรรมการที่คลินิกอิมบานาโกปฏิเสธเมื่อเดือนต.ค.ปีที่แล้ว ซึ่งแย้งว่า นายเอสโกบาร์ไม่ใช่ผู้ป่วยใกล้ตาย จึงยังมีวิธีพยายามบรรเทาความทุกข์ทรมาน และหลังจากสองปีของการยื่นคำร้องก่อนหน้านั้น นายเอสโกบาร์ถูกปฏิเสธเช่นกัน
“ผมรู้สึกไม่สบายอยู่แล้ว ผมรู้สึกเหมือนว่าปอดของผมไม่เชื่อฟังผม” นายเอสโกบาร์ให้สัมภาษณ์เอเอฟพีในเวลานั้น
ต่อมา นายเอสโกบาร์ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลและชนะคดี และเลือกเสียชีวิตในวันที่ 7 ม.ค. ซึ่งเป็นวันศุกร์ เป็นการง่ายที่ญาติๆ ที่จะไปงานศพในวันหยุดสุดสัปดาห์
“ผมป่วยด้วยโรคต่างๆ และผมทนทุกข์ทรมานเมื่อเห็นครอบครัวต้องทนทุกข์ทรมานเพราะผม” นายเอสโกบาร์ให้สัมภาษณ์เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว’
นอกจากนายเอสโกบาร์แล้ว เมื่อวันเสาร์ที่ 8 ม.ค. มาร์ธา เซปูเบดา สตรีชาวโคลอมเบียวัย 51 ปี กลายเป็นคนที่สองของประเทศ ที่เข้ารับการุณยฆาตเช่นกัน ในเมืองเมเดลลิน ตอนช่วงเที่ยงวัน หลังทนทุกข์ทรมานกับโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (ALS) ตั้งแต่ปี 2561
เดสก์แลป (DescLAB) กลุ่มผู้สนับสนุนสิทธิทางกฎหมายของโคลอมเบีย ซึ่งให้การสนับสนุนเคสของเซปูเบดา ออกแถลงการณ์ว่า ก่อนหน้านี้ เซปูเบดามีกำหนดเข้ารับการุณยฆาตตั้งแต่วันที่ 10 ต.ค. 2564 แต่ถูกระงับใน 11 ชั่วโมงก่อนการุณยฆาตด้วยเหตุผลที่ว่าอาการป่วยยังไม่ถึงขั้นใกล้ตาย ต่อมา ศาลอนุญาตให้เซปูเบดาสามารถเลือกเสียชีวิตได้ด้วยการุณยฆาต หลังเจ้าตัวเผยแพร่เคสของตัวเอง
โมนิกา กีรัลโด แห่งมูลนิธิเพื่อสิทธิในการตายอย่างมีศักดิ์ศรี องค์กรนอกภาครัฐ (เอ็นจีโอ) อธิบายว่า โรงพยาบาลบางครั้งปฏิเสธคำขอการุณยฆาตเนื่องจากจุดยืนทางอุดมการณ์ หรือยกเลิกในนาทีสุดท้ายเนื่องจากความกังวลทางกฎหมาย
ขณะนี้มูลนิธิเพื่อสิทธิในการตายอย่างมีศักดิ์ศรีกำลังทำงานร่วมกับ 5 คนที่ต้องการความช่วยเหลือการุณยฆาต ในจำนวนนี้ 2 คนไม่ใช่ผู้ป่วยใกล้ตาย
ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญของโคลอมเบียยกเลิกบทลงโทษสำหรับผู้ทำการุณยฆาตในบางกรณีเมื่อปี 2540 และสั่งการควบคุมการุณยฆาตในปี 2557 โดยบุคคลแรกในโคลอมเบียที่มีอาการป่วยใกล้ตายและสามารถเลือกเสียชีวิตได้เกิดขึ้นในปี 2558
รัฐบาลโคลอมเบียกล่าวว่า มีคนเลือกการุณยฆาตอย่างน้อย 157 คน ตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงทางกฎหมายในเดือนกรกฎาคม 2564 ขณะที่ DescLAB เปิดเผยข้อมูลล่าสุดถึงวันที่ 15 ต.ค. 2564 ว่า มีผู้ป่วยใกล้ตาย 178 ราย ได้รับการุณยฆาตตามฎหมายในโคลอมเบียตั้งแต่ปี 2558
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
แคปซูล ‘การุณยฆาต’ เปิดให้ใช้อย่างเป็นทางการแล้วครั้งแรกที่สวิตเซอร์แลนด์