ลุงช้ำใจ! เพื่อนบ้านสับขาหลอกเชิดเงินเราชนะ 2 รอบ ชวดรับ 9,000 บาท

Home » ลุงช้ำใจ! เพื่อนบ้านสับขาหลอกเชิดเงินเราชนะ 2 รอบ ชวดรับ 9,000 บาท

ลุงวัย 66 ปี ถูกเพื่อนบ้านสาว วัย 29 ปี เสนอตัวสมัครโครงการเราชนะให้ ก่อนอ้างสมัครไม่ผ่าน แถมยังซื้อซิมการ์ดเบอร์ใหม่แทนให้ บอกสงสารที่ซิมหัก สุดท้ายโป๊ะแตก ขณะสาวคู่กรณีปฏิเสธยืนยันไม่ได้ใช้เงิน เพราะสมัครไม่ผ่าน

จากกรณีเฟซบุ๊กแฟนเพจ ศูนย์แจ้งข่าวบุรีรัมย์ รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านรุนตะวันออก หมู่ 5 ต.บัวทอง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ว่ามีคนในหมู่บ้าน ถูกเพื่อนบ้านโกงเงินโครงการเราชนะ 2 รอบ มูลค่า 9,000 บาท และอยากร้องให้ผู้รู้มาช่วยเหลือ

ล่าสุด วานนี้ (8 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เดินทางไปที่บ้านของนายสุณีย์ ตระกูลรัมย์ อายุ 66 ปี และนางวิไล ตระกูลรัมย์ อายุ 72 ปี สองสามีภรรยา อาชีพเร่ขายอาหาร (รถพุ่มพวง) ที่บ้านพักตั้งอยู่หมู่ 5 ต.บัวทอง ซึ่งทั้งสองยังมีการแค้นใจไม่หาย โดยเฉพาะนางวิไลถึงกับเผาพริกเผาเกลือเพื่อสาปแช่งคนโกงเงินตัวเองไปถึง 9,000 บาท

นายสุณีย์ เล่าว่า เมื่อประมาณเดือนมกราคมที่ผ่านมา ได้มี น.ส.สม (ขอสงวนชื่อนามสกุลจริง) เพื่อนบ้าน มาอาสาจะสมัครโครงการเราชนะของรัฐบาลให้ ตนซึ่งตอนนั้นยังไม่รู้ว่าเป็นโครงการอะไร แต่รู้ว่าจะได้เงินสวัสดิการของรัฐบาล จำนวนเงิน 7,000 บาท

ตนดีใจที่เพื่อนบ้านจะสมัครให้ จึงเอาทั้งโทรศัพท์และบัตรประชาชนให้ไป โดย น.ส.สม บอกว่าจะเอาไปสมัครที่บ้าน เพราะต้องใช้เวลา ผ่านไปประมาณ 2 วัน น.ส.สม ได้เอาบัตรประชาชนมาคืนให้ พร้อมกับแจ้งว่าสมัครไม่ผ่าน และยังขอบคุณที่อุตสาห์เป็นธุระให้ ทั้งยังซื้อซิมการ์ดโทรศัพท์ใหม่พร้อมเบอร์ใหม่ให้อีก ตามที่ น.ส.สม บอกว่าซิมการ์ดเสีย ส่วนตัวไม่ได้คิดอะไร เพราะสมัครไม่ได้คือไม่ได้

จนกระทั่งเมื่อปลายเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา มีเพื่อนอีกคนมาแจ้งว่า เงินเราชนะเข้าอีกแล้ว 2,000 บาท ตนบอกไปว่าสมัครแล้วไม่ได้ จึงไม่สนใจ แต่เพื่อนบ้านคนนี้ขอตรวจสอบสิทธิ์ให้ พบว่าได้ใช้สิทธิ์ไปแล้ว 7,000 บาท และรอบนี้ก็มีสิทธิ์รับเงินอีก 2,000 บาท

นายสุณีย์ ตระกูลรัมย์ อายุ 66 ปี และนางวิไล ตระกูลรัมย์ อายุ 72 ปี สองสามีภรรยา นายสุณีย์ ตระกูลรัมย์ อายุ 66 ปี และนางวิไล ตระกูลรัมย์ อายุ 72 ปี สองสามีภรรยา

นายสุณีย์ เล่าด้วยว่า ตนรู้สึกตกใจมาก จึงเดินทางไปตรวจสอบกับธนาคารในตัวเมือง เจ้าหน้าที่แจ้งว่าตนได้รับสิทธิ์ตั้งแต่โครงการแรก 7,000 บาท และรอบสองอีก 2,000 บาท แต่ใช้เงินไปครบหมดแล้ว จึงคิดว่าคนที่เอาเงินไปใช้คือ น.ส.สม เพียงคนเดียว

จากนั้นได้กลับไปทวงถาม น.ส.สม แต่ถูกปฏิเสธว่าไม่ได้เอาเงินไปใช้ เพราะสมัครไม่ผ่าน จึงเดินทางไปแจ้งความไว้กับ ร.ต.อ.อนุเปรม ทุมนานอก รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.เมือง บุรีรัมย์

ต่อมาตำรวจได้เรียกตัว น.ส.สม มาสอบถาม ซึ่งยังปฏิเสธว่าไม่ได้ยักยอกเงินไป ยืนยันว่าสมัครไม่ผ่าน ตอนนี้ตนทำอะไรไม่ถูก เงินจำนวน 9,000 บาท เป็นเงินจำนวนก้อนใหญ่สำหรับคนจนหาเช้ากินค่ำ ไม่น่าจะทำการแบบนี้

ผู้สื่อข่าวเดินทางไปสอบถาม น.ส.สม คู่กรณีของนายสุณีย์ บอกว่า ได้อาสาสมัครให้ลุงจริง แต่สมัครไม่ผ่าน จึงเอาหลักฐานไปคืนให้ ส่วนซิมโทรศัพท์ที่ซื้อแทนให้ เพราะซิมการ์ดเสีย สงสารลุงจึงไปซื้อเบอร์ใหม่ให้ ยืนยันไม่เคยเอาเงินลุงไปใช้

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ