ตรัง ชาวบ้านลุกฮือ! ประท้วงโรงงานปล่อยมลพิษฝุ่นละออง ทำล้มป่วยโรคทางเดินหายใจ พืชผลเกษตรเสียหายยับ ขีดเส้นตาย พูดคุยหาทางออก เมินเจรจาบ่ายเบี่ยง ยกระดับร้องเรียน

15 ธ.ค. 65 – ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้าน จำนวนกว่า 500 ครัวเรือน ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ หมู่ 1 , 2 , 3 ,7 บ้านเขาแก้ว ต.นาเมืองเพชร อ.สิเกา จ.ตรัง

โดยได้รับความเดือดร้อนและผลกระทบ มาเป็นระยะเวลานานกว่า 2 ปี จากบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นโรงงานตั้งอยู่ในพื้นที่ โดยประกอบกิจการโรงเลื่อย อัดน้ำยาและอบไม้ รวมทั้งผลิตถ่านอัดเม็ด

ทำให้ชาวบ้านจำนวนไม่น้อย ประสบปัญหาป่วยโรคทางเดินหายใจ บางรายป่วยเป็นโรคหอบหืด โรคภูมิแพ้ บางคนถึงขั้นรุนแรง ต้องเข้าทำการรักษาในโรงพยาบาล รวมทั้งพืชผลทางการเกษตร เช่นปาล์มน้ำมัน กลับมีใบที่เหลืองแดง จนต้องยืนต้นตาย และไม่ให้ผลผลิต

นายสำราญ ช่วยธานี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 2 ต.นาเมืองเพชร พร้อมด้วยชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ ได้รวมตัวกันเดินทางเข้าพบเจ้าของโรงงานดังกล่าว แต่ปรากฏว่า ไม่อยู่ มีเพียงแค่ผู้จัดการโรงงานออกมาพูดคุยกับชาวบ้านเท่านั้น ก่อนจะมีการโต้เถียงไปมาเพียงเล็กน้อย

จนกระทั้งมีข้อสรุปว่า ชาวบ้านจะเข้ามาพบกับเจ้าของโรงงานอีกครั้ง ในวันที่ 19 ธ.ค. ที่จะถึงนี้ ซึ่งหากวันที่ 19 ธ.ค. เจ้าของโรงงานไม่เข้ามาพบพูดคุยหาทางออกกับชาวบ้าน ทางชาวบ้านจะมีการเข้ามาปิดทางเข้าออกของโรงงาน

นายนิธิป คงทอง อายุ 45 ปี ตัวแทนชาวบ้าน กล่าวว่า จากความเดือดร้อนของโรงงานที่ทำการผลิตถ่านอัดเม็ด ที่ผ่านมาชาวบ้านได้รับผลกระทบจากโรงงานในด้านสิ่งแวดล้อม อากาศ ทำให้ระบบทางเดินหายใจของชาวบ้านมีปัญหา

ที่ผ่านมาโรงงานเคยสัญญาว่า จะปรับปรุงโรงงานให้เป็นมาตรฐาน แต่ระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา ไม่ได้มีการดำเนินการแก้ไข ซึ่งเกิดจากความล้าช้าของโรงงานเอง จนเกิดมลพิษกระจาย เช่น โรงเก็บขี้เลื้อยของโรงงานมีการพังทลายลงมา เมื่อมีลมพัดฝุ่นก็จะฟุ้งกระจาย และท่อหรือปล่องไฟควันไฟ จะปล่อยฝุ่นละออง

ทำให้มลพิษที่เกิดขึ้นชาวบ้านมีปัญหาเรื่องการหายใจ มีผลกับปอด คอแห้ง ซึ่งเกิดอาการมาแล้วหลายราย ฝุ่นละอองยังได้กระทบกับพืชผลอาสิน ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ผลไม้ ของชาวบ้านเสียหาย แหล่งน้ำธรรมชาติ แหล่งน้ำของชาวบ้านมีฝุ่นละอองไปตกใส่ เสื้อผ้าที่ตากไว้เสียหายจากฝุ่นละออง

นายนิธิป กล่าวอีกว่า ซึ่งจากการพูดคุยกับทางผู้จัดการโรงงานวันนี้ ได้ข้อสรุปในเบื้องต้นว่า วันที่ 15-16 ธ.ค.65 นี้ทางโรงงานจะประสานกับทางหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง และชาวบ้านจะเข้ามาพบกับทางเจ้าของโรงงานเพื่อตั้งโต๊ะพูดคุยหาทางออกกัน

หากวันที่ 19 ธ.ค.นี้ ทางเจ้าของโรงงานไม่มาพูดคุยพบกับชาวบ้าน เพื่อหาทางออกร่วมกัน หรือไม่มีการดำเนินการแก้ไข ทางชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบและความเดือดร้อนจะเข้ามาปิดโรงงานในทันที เพราะเรื่องนี้ชาวบ้านกระทบมากว่า 2 ปีแล้ว ไม่ได้เพิ่งจะเกิดขึ้น

ขณะที่ น.ส.วิไล เรืองนาม อายุ 52 ปี ผู้เดือดร้อน กล่าวว่า ตนเองกลายเป็นโรคหอบหืด และไอ เมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งคิดว่าผลพวงมาจากโรงงานดังกล่าว เพราะที่ผ่านมาไม่เคยเป็นแบบนี้ และไม่มีปัจจัยเสี่ยงอื่น เพราะฝุ่นจากโรงงานลอยฟุ้งไปถึงบ้านของตนที่อยู่ห่างจากโรงงานเพียงแค่ 200 เมตร

ตอนนี้เดือดร้อนหนักเพราะตนเองเป็นแม่ค้า แต่พอล้มป่วยลงก็ต้องหยุดทำงานกว่า 4 เดือนแล้ว ซึ่งตอนนี้ก็อยู่ในระหว่างการรักษาตัว เพราะไม่มีเรี่ยวแรง แสบคอ หายใจไม่ออก หายใจไม่เต็มที่ โดยแพทย์ก็เตือนว่าให้หลีกเลี่ยงอยู่ใกล้กับฝุ่นละออง

ด้าน นายโชคอนันท์ ทองย้อย อายุ 70 ปี กล่าวว่า ตนได้รับผลกระทบสวนปาล์มน้ำมัน เพราะฝุ่นและมลพิษไปเกาะติดกลืนไปกับใบของปาล์มจนทำให้ใบเปลี่ยนสี และไม่สังเคราะห์แสง ซึ่งเป็นมากว่า 3-4 ปีแล้ว เบื้องต้นเสียหายประมาณ 4 ไร่ ปาล์มประมาณ 80-90 ต้น และสวนของคนอื่นๆ ก็เป็นเหมือนกัน ซึ่งทั้งหมู่บ้านเสียหายเป็น 100 ไร่ หากตีเป็นมูลค่านับ 10 ล้านบาท เพราะบางต้นไม่ให้ผลผลิต และยืนต้นตาย หากไม่เสียหาย หรือไม่ได้รับผลกระทบจะไม่พูดเรื่องแบบนี้

ส่วน นายสำราญ ช่วยธานี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 2 ต.นาเมืองเพชร กล่าวว่า ชาวบ้านเดือดร้อนมากว่า 2 ปีแล้ว แต่ปีนี้หนักมากลุกลามไปถึงปัญหาสุขภาพของชาวบ้านแล้ว เงินที่เก็บไว้ก็หมดไปกับการรักษา ก่อนหน้านี้ผู้นำท้องที่ผู้นำท้องถิ่น ก็ได้เข้ามาพูดคุยกับโรงงานแล้ว แต่ก็ยังเป็นเช่นเดิม วันนี้ก็ได้มาพูดคุยเพื่อหาทางออกแล้วให้โรงงานแก้ไขปัญหาอย่างเร็วที่สุด เพื่อไม่ให้ปัญหาบานปลายมากไปกว่านี้