อีกไม่นานแล้วที่ iPhone 16 จะเปิดตัวอย่างเป็นทาง ก่อนที่จะมีการเปิดตัวคือมีรายงานจากเว็บไซต์ Apple Insider เกี่ยวกับมือถือใหม่ของ Apple ก่อนเปิดตัว
ทั้งนี้มีข่าวลือว่าทั้ง iPhone 16 และ iPhone 16 Pro จะมีการปรับปรุงฟังก์ชันการถ่ายภาพและวิดีโอ รวมถึงฮาร์ดแวร์ที่อัปเกรด เช่น เซ็นเซอร์ 48 ล้านพิกเซลบนกล้องอัลตร้าไวด์ของรุ่น Pro และซอฟต์แวร์ เช่น การถ่ายภาพมาโครสำหรับรุ่นมาตรฐาน และรูปแบบภาพใหม่ทั้งหมด โดยข้อมูลที่สามารถสรุปออกมาดังนี้
- กล้องหลักของ iPhone 16 จะยังคงเหมือนกับ iPhone 15 ที่มีเซ็นเซอร์ 48 ล้านพิกเซลและรูรับแสง f/6 และไม่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในรุ่นต่อๆ ไปจนถึงปี 2026
- กล้องอัลตร้าไวด์ของ iPhone 16 จะได้รับรูรับแสง f/2 เพิ่มขึ้นจาก f/2.4 ในรุ่นก่อนหน้า เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในที่แสงน้อย
- iPhone 16 และ iPhone 16 Plus อาจรองรับการถ่ายภาพมาโครเป็นครั้งแรก ซึ่งปัจจุบันเป็นคุณสมบัติพิเศษสำหรับรุ่น Pro เท่านั้น
- iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max จะยังคงมีกล้องหลัก 48 ล้านพิกเซลพร้อมรูรับแสง f/78
- iPhone 16 Pro จะได้รับกล้องเทเลโฟโต้ 5x tetraprism ที่เปิดตัวใน iPhone 15 Pro Max เมื่อปีที่แล้ว แทนที่กล้องเทเลโฟโต้ 3x ปัจจุบัน
- iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max จะมีกล้องอัลตร้าไวด์ที่อัปเกรดด้วยเซ็นเซอร์ 48 ล้านพิกเซล พร้อมคุณสมบัติ pixel-binning เช่นเดียวกับกล้องหลัก จะมีรูรับแสง f/2 เพิ่มขึ้นจาก f/2.4 เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในที่แสงน้อยอย่างมาก และรองรับการถ่ายภาพ ProRaw 48 ล้านพิกเซล
- Apple จะเปิดตัวรูปแบบภาพใหม่ที่เรียกว่า “JPEG-XL” ซึ่งอยู่เคียงข้าง HEIF, JPEG, HEIF Max, ProRaw และ ProRAW Max
- iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max จะรองรับวิดีโอ 3K ที่ 120 เฟรมต่อวินาทีด้วย Dolby Vision
- ปุ่ม “Capture” แบบ capacitive ใหม่จะถูกนำมาใช้ในทั้งสี่รุ่น ซึ่งออกแบบมาเพื่อใช้โดยแอปกล้องโดยเฉพาะ ผู้ใช้จะสามารถเลือกแอปกล้องที่ปุ่มเปิดได้ รวมถึงแอปของบริษัทอื่น
- ปุ่ม Capture มีการกดครึ่งหนึ่งที่ไวต่อแรง ซึ่งเชื่อมโยงกับ API ของนักพัฒนาที่สามารถ ล็อคการเปิดรับแสงและโฟกัส ก่อนที่จะกดปุ่มลงจนสุดเพื่อถ่ายภาพ
- การเลื่อนไปตามปุ่ม capacitive จะทำการดำเนินการที่แตกต่างกันด้วย ท่าทางนี้จะใช้ API ของนักพัฒนา
ทั้งนี้คาดว่า iPhone 16 อาจจะเปิดตัวแน่นอนแต่ยังมีการเผยว่าจะทันเดือนกันยายนนี้หรือไม่ แต่การเปลี่ยนแปลงแบบนี้คงต้องรอติดตามกันต่อไปว่าทั้งหมดจริงหรือไม่