ชาวบ้านลืออาถรรพ์ปลูกต้นกล้วยหน้าบ้าน โบราณถือไม่เหมาะ ทำให้ผัวใหม่ฆ่าเมียตายคาบ้าน ขณะที่ภาพกล้องวงจรปิดเผยภาพหลังก่อเหตุไม่สะทกสะท้าน
จากกรณี นางฤดี อายุ 45 ปี ถูกนายพรชัย อายุ 45 ปี สามีใหม่ทำร้ายจนเสียชีวิต ในสภาพเปลือย ใบหน้าคล้ายถูกของแข็งทุบ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 19 พ.ค. 66 ที่บ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่6 บ้านคำตานา ต.ทุ่งใหญ่ อ.ทุ่งฝน จ.อุดรธานี หลังก่อเหตุได้หลบหนีไปนอนกระท่อมนาของน้าชาย ทั้งยังบอกอีกว่าไปฆ่าคนมา จนเจ้าหน้าที่ตำรวจตามจับกุมได้ และสารภาพทำจริงแต่ไม่คิดว่าจะตาย
วันที่ 21 พ.ค. 66 นางสุพิศ อายุ 58 ปี น้าสาวของผู้ตาย เปิดเผยว่า ตนเป็นคนมาพบศพคนแรก หลังจากสามีโทรมาบอกว่า ให้ไปดู นางฤดี หน่อยว่าตายหรือยังมีชีวิตอยู่ เพราะเมื่อคืน นายพรชัย ซึ่งเป็นสามีได้ออกไปหาและบอกว่าฆ่าคนมา พอตนเปิดประตูเข้าไปในบ้านแทบช็อกเจอหลานสาวเสียชีวิต จึงได้แจ้งตร.ทันที สำหรับนางฤดีเพิ่งมาอยู่บ้านได้เพียง 1 ปีกว่าได้รู้จักกับ นายพรชัย ซึ่งเป็นสามีใหม่ เกิดทะเลาะกันเพราะทั้ง 2 ก็กินเหล้าประจำ เห็นว่า นางฤดี ไล่ นายพรชัย ออกจากบ้านจึงทำให้ทะเลาะกันฆ่ากันตายดังกล่าว
ส่วน นางพิกุลทอง สังข์สิทธิ์ อายุ 34 ปี หลานสะใภ้ผู้ตายและมีบ้านอยู่ติดกัน กล่าวว่า วันเกิดเหตุตนไม่ได้นอนอยู่บ้านหลังนี้ ไปนอนบ้านแม่ย่า พอรู้เรื่องก็ตกใจมาก รีบมาดูพบว่าถูกทำร้ายร่างกายใบหน้าเละไปหมด ส่วนสาเหตุทั้งคู่น่าจะทะเลาะกัน และชอบกินเหล้าทั้งสองคน สำหรับ นางฤดี ตนพาไปทำงานก่อสร้างด้วยที่ อ.พิบูลย์รักษ์จน ได้รู้จักกับ นายพรชัย อยู่ด้วยกันมาปีกว่า ตนก็เคยเตือนว่าระวังไว้ด้วยเพราะเห็นว่าเขาเป็นโมโหร้าย แต่ก็ไม่ยอมฟัง แต่ก่อนเคยได้ยินว่านายพรชัยเคยทำร้ายภรรยาเก่าจนจมูกหักมาแล้ว จนมาก่อเหตุฆ่าภรรยาตัวเองตายคาบ้าน
ขณะเดียวกันชาวบ้านต่างพากันลืออาถรรพ์ปลูกต้นกล้วยไว้หน้าบ้านทำให้คนตาย ทั้ง ๆ ที่ นางฤดี สร้างบ้านใหม่เพิ่งขอเลขบ้านเลขที่ได้ แต่มีการปลูกต้นกล้วยหอมไว้หน้าบ้าน ลูกดกเสียด้วย โดยโบราณบอกว่า ไม่ควรปลูกต้นกล้วยไว้หน้าบ้านเพราะจะทำให้เจ้าของบ้านมีเหตุเป็นไปไม่อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือขั้นเจ้าของบ้านเสียชีวิต ปกติหน้าบ้านปลูกต้นไม้ได้ก็จะมีต้นยอ ต้นขนุน ต้นคูณ และต้นมะยม แต่ต้นกล้วยไม่ควรปลูกเพราะจะทำให้เจ้าของบ้านมีอันเป็นไป อันนี้คำโบร่ำโบราณกล่าวกันไว้