ลิณธิภรณ์ ไล่ ธนกร ศึกษานโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล วิจารณ์ไม่สร้างสรรค์-ยังกล้าสอนคนอื่น

Home » ลิณธิภรณ์ ไล่ ธนกร ศึกษานโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล วิจารณ์ไม่สร้างสรรค์-ยังกล้าสอนคนอื่น



“ลิณธิภรณ์” ไล่ “ธนกร” ศึกษานโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล ก่อนวิจารณ์ไม่สร้างสรรค์ เย้ย พปชร. พรรคเก่าหาเสียง ปี’62 ไม่ทำ ยังกล้าสอนคนอื่น

16 เม.ย. 66 – น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) รักษาการโฆษกพรรคพท.และผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพท. กล่าวกรณีที่นายธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ตั้งข้อสงสัยที่มาของเงินในการดำเนินนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท พร้อมกล่าวพาดพิงว่า นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคพท.ว่า

เมื่อเศรษฐกิจดีขึ้น ประชาชนจะพ้นความยากจนโดยไม่ต้องพึ่งพาบัตรคนจน เป็นการพูดในจินตนาการว่า ก่อนที่ นายธนกร จะวิพากษ์วิจารณ์ ควรศึกษาหาข้อมูลให้ครบถ้วนรอบคอบ หากฟังไม่ได้ศัพท์ อาจจะสร้างความสับสนให้กับสังคมได้

แนวคิดของพรรค รทสช. หาเสียงนโยบายบัตรคนจนพลัส 1,000 บาท เป็นการแจกสงเคราะห์เฉพาะคนที่มีรายได้น้อย ซึ่งมีความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับแนวคิดการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่ของพรรคพท. ด้วยหลากหลายนโยบาย โดยนโยบายที่ประชาชนให้การตอบรับเป็นอย่างดี

อย่างกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท สำหรับคนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไปจับจ่ายกับร้านค้าชุมชนในรัศมีจากที่อยู่ตามบัตรประชาชนไม่เกิน 4 กิโลเมตร ในระยะเวลา 6 เดือน เป็นนโยบายที่มีพลังกระตุกเศรษฐกิจที่ตกต่ำให้โงหัวขึ้น ผ่านการกระจายรายได้ไปทั่วทุกพื้นที่ของประเทศ รายได้จะเกิดขึ้นในท้องถิ่น และเกิดการหมุนรอบของเศรษฐกิจ

น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวต่อว่า และเมื่อประกอบรวมเข้ากับนโยบายอื่นๆ ที่จะเกิดขึ้นภายใน 4 ปี ทั้งการปรับฐานเงินเดือนขั้นต่ำผู้จบปริญญาตรีมาอยู่ที่ 25,000 บาท ค่าแรงขั้นต่ำปรับขึ้นมาอยู่ที่ 600 บาทต่อวัน รายได้เกษตรกรที่จะปรับขึ้น 3 เท่าภายใน 4 ปี เติมเงินให้ครอบครัวที่มีรายได้ไม่ถึง 20,000 บาท ปรับราคาแก๊ส ค่าพลังงานลดลงทันที การพักหนี้เกษตรกร 3 ปี และ 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์ จะช่วยทำให้เศรษฐกิจเติบโตได้

ซึ่งพรรคพท. มีปรัชญาและแนวคิดที่แตกต่าง การแจกทีละเล็กน้อยจึงเป็นเหมือนการหยอดน้ำข้าวต้ม ไม่มีพลังที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจที่อาการทรุดหนักได้เพียงพอ พรรคพท. คิดใหญ่ ทำเป็น ทำได้จริง ทำมาแล้ว และพร้อมทำอีก

น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวอีกว่า ส่วนข้อสงสัยของ นายธนกร ถึงแหล่งที่มาของงบประมาณในนโยบายดังกล่าวนั้น ไม่ใช่เรื่องอยู่ในจินตนาการอย่างที่ นายธนกร กล่าวอ้างและด้อยค่า เพราะ พรรคพท.ได้นำเสนอข้อมูล ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับนโยบายต่างๆ ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งแล้ว

ซึ่งมีการระบุที่มาของงบประมาณที่จะใช้ในนโยบายอย่างชัดเจนตามกฎหมาย รวมทั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจ ภายใต้รัฐบาลเพื่อไทย ที่จะเข้ามาฟื้นจีดีพีให้เติบโตเฉลี่ย 5% ต่อปี รวมทั้งการจัดเก็บรายได้รัฐที่มากขึ้น และการจัดสรรงบประมาณที่ไม่จำเป็นเร่งด่วนออกไป ทั้งหมดพรรคและตัวแทนของพรรค ได้ชี้แจงข้อซักถามของสังคมมาโดยตลอด และพร้อมให้ข้อมูลเพิ่มเติมทุกเมื่อที่มีโอกาส แต่นายธนกร ไม่ฟังเอง

“นายธนกรเคยอยู่พรรคพลังประชารัฐ และตอนนี้ย้ายมาสังกัดพรรคใหม่ ก่อนจะซักถามหรือต่อว่านโยบายของพรรคอื่น ควรต้องถามตัวเองก่อนว่า นโยบายที่หาเสียงไว้ในปี 2562 ทำได้บ้างหรือไม่ ทั้งการปรับขึ้นเงินเดือนปริญญาตรีเป็น 20,000 บาท ค่าแรงขั้นต่ำจะเพิ่มขึ้นเป็น 425 บาท โครงการมารดาประชารัฐ หรือ ลดภาษีบุคคลธรรมดา 10%

การย้ายมาตั้งพรรคใหม่ แต่นโยบายของพรรคเก่ายังไม่ทำ ไม่รับผิดชอบต่อคำพูดตัวเอง และยังวิจารณ์พรรคอื่นโดยไม่รู้ข้อเท็จจริง เป็นการทำงานการเมืองที่ไม่สร้างสรรค์หรือไม่

พรรคพท.มีความตั้งใจจริงที่จะนำพาพี่น้องประชาชนออกจากความทุกข์ยาก แม้ขณะนี้จะมีข้อซักถามมากมาย ไม่ว่าใครจะพูดอย่างไร แต่เมื่อถามประชาชน พี่น้องประชาชนอยากได้นโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัลเพราะโดนใจ แก้ปัญหาได้ตรงจุด พี่น้องประชาชนสนับสนุน” น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าว

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ