บาร์เซโลน่า เจ้าของแชมป์ลีกสเปน ฤดูกาล 2022/23 เปิดตัวลามีน ยามาล นักเตะดาวรุ่งวัย 15 ปี ที่กลายเป็นนักเตะอายุน้อยสุดอันดับที่ 5 ในประวัติศาสตร์ของลาลีกา ที่ได้ประเดิมลงสนามในลีกสูงสุดเป็นครั้งแรก
ลามีน ยามาล เกิดที่เมืองมาตาโร่ ประเทศสเปน คุณพ่อเป็นชาวโมร็อกโก และคุณแม่เป็นชาวอิเควทอเรียล กินี เข้าสู่ศูนย์ฝึกลูกหนังลา มาเซีย ตั้งแต่อายุ 7 ขวบ และได้ลงเล่นในชุดเยาวชนที่อายุมากกว่าเขาเสมอ
ชาบี้ เอร์นานเดซ เฮดโค้ชทีมชุดใหญ่ของบาร์เซโลน่า ได้พูดถึงยามาลว่า “เขากำลังจะอายุครบ 16 ปี ในเดือนกรกฎาคมนี้ เป็นนักเตะที่สามารถช่วยเหลือเราได้อย่างแน่นอน เพราะมีบุคลิก และพรสวรรค์ที่ล้นเหลือ”
“เขาสามารถเล่นบอลในจังหวะสุดท้ายได้ดี เอาตัวรอดได้ในสถานการณ์แบบตัวต่อตัว มีทัศนคติที่ยอดเยี่ยม และได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี เขาคือนักเตะที่อาจจะกำหนดยุคสมัยครั้งสำคัญให้กับสโมสรได้”
ตำแหน่งการเล่นของยามาล คือ กองกลางตัวรุก หรือปีกฝั่งขวา ถนัดเล่นเท้าซ้าย มีจุดเด่นคือการเลี้ยงบอล อีกทั้งยังจ่ายบอล และจบสกอร์ได้ด้วย คุณสมบัติเหล่านี้ จะช่วยให้เขามีโอกาสก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะที่ดีในอนาคต
ยามาล ลงสนามในลาลีกาเป็นครั้งแรก ในช่วงท้ายเกมนัดที่ชนะเรอัล เบติส 4 – 0 เมื่อวันที่ 29 เมษายน ที่ผ่านมา ด้วยวัย 15 ปี 290 วัน ทุบสถิตินักเตะอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของบาร์ซ่า ที่ประเดิมลงเล่นกับทีมชุดใหญ่
หลังจากที่ยามาล ได้ลงเล่นกับทีมซีเนียร์ กุนซือชาบี้ เอร์นานเดซ กล่าวว่า “เขาเป็นนักเตะที่พิเศษ สามารถสร้างความแตกต่างในการผ่านบอลที่เด็ดขาด มีความกล้าหาญ และเต็มไปด้วยพรสวรรค์ เขาจะกลายเป็นนักเตะที่เป็นอนาคตของทีมได้”
ขณะที่ราฟินญ่า ดาวเตะชาวบราซิลวัย 26 ปี กล่าวว่า “เมื่อตอนอายุ 15 ปี ผมยังเล่นกับทีมระดับท้องถิ่นอยู่เลย เขามีคุณภาพมากมาย แม้นัดนี้เขาจะยังยิงประตูให้ทีมไม่ได้ แต่ผมมั่นใจว่าเขาจะทำได้ในเร็วๆ นี้”
ในส่วนของการรับใช้ทีมชาติชุดเยาวชน ยามาลเลือกเล่นให้กับสเปน ตามสัญชาติของเขา ติดทีมมาแล้วหลายชุด ตั้งแต่ ยู-15, ยู-16, ยู-17 และ ยู-19 ซึ่งเป็นรุ่นใหญ่สุดที่ได้โอกาสลงเล่นแล้ว 1 นัด เมื่อเดือนตุลาคม 2022
ซึ่งผลงานล่าสุดของยามาล กับทีมชาติชุดเยาวชน คือฟุตบอลยูโร ยู-17 ที่ประเทศฮังการี เมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งทีมของกุนซือฆูเลน เกอร์เรโร่ ไปได้ไกลถึงรอบรองชนะเลิศ แพ้ให้กับทีมชาติฝรั่งเศส ด้วยสกอร์ 1 – 3
ในทัวร์นาเมนท์ดังกล่าว ยามาลทำประตูได้ 4 นัดติดต่อกัน นัดละ 1 ประตู กับสโลวีเนีย (รอบแบ่งกลุ่ม นัดที่ 2), เซอร์เบีย (รอบแบ่งกลุ่ม นัดที่ 3), ไอร์แลนด์ (รอบ 8 ทีมสุดท้าย) และฝรั่งเศส (รอบรองชนะเลิศ)