ลาฟรอฟ ลุกจากการประชุมจี 20 จังหวะที่ตะวันตกจวกรัสเซียปมยูเครน
เอเอฟพีรายงานว่า นายเซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เดินออกจากการประชุมระดับรัฐมนตรีต่างประเทศกลุ่มจี 20 — เวทีความร่วมมือระหว่างประเทศที่รับมือกับประเด็นปัญหาใหญ่เกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก ประกอบด้วยสมาชิกชาติเศรษฐกิจขนาดใหญ่ 19 ประเทศและสหภาพยุโรป (อียู) — ในเมืองบาหลีของอินโดนีเซียเมื่อวันที่ 8 ก.ค. ขณะที่รัฐมนตรีมหาอำนาจตะวันตกวิจารณ์รัสเซียที่รุกรานยูเครน
สหรัฐและพันธมิตรประณามการรุกรานยูเครนของรัสเซียก่อนการประชุมกลุ่มจี 20 และก่อนนายลาฟรอฟจะเผชิญสิ่งที่นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ระบุเป็นการวิจารณ์จากตะวันตกในการประชุม
นายบลิงเคนกล่าวในการประชุมว่า “สิ่งเราได้ยินวันนี้คือการประสานเสียงแข็งแกร่งจากทั่วโลกเกี่ยวกับความจำเป็นในการยุติการรุกราน”
นายบลิงเคนและนายลาฟรอฟเข้าร่วมกับรัฐมนตรีกลุ่มจี 20 เป็นครั้งแรกตั้งแต่สงครามในยูเครนเปิดฉาก โดยอินโดนีเซีย เจ้าภาพการประชุม บอกทันทีว่า ความขัดแย้งต้องยุติด้วยการเจรจา
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวนักการทูตระบุว่า นายลาฟรอฟเดินออกจากวาระการประชุมตอนเช้าขณะที่น.ส.อันนาเลนา แบร์บ็อค รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี วิจารณ์รัสเซียที่รุกรานยูเครน และออกจากวาระการประชุมตอนบ่ายก่อนนายดมีโตร คูเลบา รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครน หารือกับรัฐมนตรีต่างประเทศกลุ่มจี 20 ผ่านระบบเสมือนจริง และไม่ได้ปรากฏตัวขณะที่นายบลิงเคนประณามรัสเซีย สวนทางกับที่นายลาฟรอฟกล่าวก่อนหน้านี้ว่า ตนจะไม่หันหลังแก่สหรัฐในการเจรจา และว่ารัสเซียไม่ได้ละทิ้งการติดต่อแต่เป็นสหรัฐเอง
นายลาฟรอฟกล่าวด้านนอกโรงแรมมูเลีย สถานที่จัดการประชุมว่า พันธมิตรตะวันตกของเรากำลังพยายามหลีกเลี่ยงการพูดถึงปัญหาเศรษฐกิจโลก และวิจารณ์รัสเซียอย่างดุเดือดตั้งแต่เริ่มพูด
ขณะที่แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ตะวันตกระบุว่า นายบลิงเคนหลีกเลี่ยงกับพบปะนายลาฟรอฟ และเรียกร้องให้รัสเซียเปิดทางส่งออกธัญพืชออกจากยูเครน แทนที่จะกล่าวหารัสเซียก่อวิกฤตอาหารโลก
“ถึงทีมงานชาวรัสเซีย ยูเครนไม่ใช่ประเทศของคุณ ธัญพืชไม่ใช่ของคุณ ทำไมคุณปิดท่าเรือ คุณควรเปิดทางให้ธัญพืชออกไป” นายบลิงเคนกล่าว
ก่อนหน้านั้น นางเร็ตโน มาร์ซูดี รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซีย ในฐานะเจ้าภาพการประชุม กล่าวถึงสงครามยูเครนโดยตรงโดยเรียกร้องการยุติสงครามและแก้ไขข้อขัดแย้งแตกต่างผ่านการเจรจา
“เป็นความรับผิดชอบของเราที่จะยุติสงครามโดยเร็วและแก้ไขความแตกต่างบนโต๊ะเจรจา ไม่ใช่สนามรบ” นางมาร์ซูดีกล่าวเปิดการประชุม และกล่าวในถ้อยแถลงปิดท้ายการประชุมว่า “ผู้เข้าร่วมในการประชุมแสดงความกังวลอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับผลกระทบมนุษยธรรมของสงคราม บางคนแสดงออกการประณามการรุกรานดังกล่าว” แต่ไม่ได้กล่าวถึงการเดินออกจากวาระการประชุมของนายลาฟรอฟ