ที่ร้านอาหารเยี่ยมใต้ ถนนเลี่ยงเมือง-ปากเกร็ด ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่พบกับนายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ อดีต ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย หลังประกาศแยกทางกับพรรคเพื่อไทยด้วยการลาออกจากตำแหน่งดังกล่าว มาเปิดร้านอาหารใต้อย่างเต็มตัวในช่วงที่ว่างเว้นจากการเมือง
พบว่าบรรยากาศภายในร้านวันนี้เนื่องแน่นไปด้วยลูกค้าที่เดินทางมาจากสถานที่ต่างๆ ทั้งบางนา สุขุมวิท จรัลสนิทวงศ์ และจังหวัดใกล้เคียง โดยลูกค้าที่เดินทางมาส่วนใหญ่เป็นฝ่ายคนเสื้อแดงที่ชื่นชมในตัวนายณัฐวุฒิ หลังประกาศจุดยืนชัดเจนด้วยการลาออกจากผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ที่ข้ามขั้วไปจับมือกับพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งผิดหลักการและอุดมการของคนเสื้อแดง โดยพบว่ามีประชาชนทีชื่นชอบนายณัฐวุฒิทยอยเดินทางมารับประทานอาหารอยู่ตลอดเวลาจนทำให้โต๊ะไม่ว่าง จนต้องยืนรอต่อแถวเป็นจำนวนมาก ซึ่งเมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามก็ได้รับคำตอบส่วนใหญ่ว่า ตั้งใจเดินทางมาที่ร้านอาหารใต้ของนายณัฐวุฒิเพื่อมาอุดหนุนและให้กำลังใจกับนายณัฐวุฒิ หลังประกาศจุดยืนชัดเจนไม่เห็นด้วยกับพรรคเพื่อไทยที่ข้ามขั้วไปร่วมกับพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามในการจัดตั้งรัฐบาล
โดยนางทัศนีย์ ศรีไชยญา อายุ 81 ปี อดีตคนเสื้อแดง เปิดเผยว่า วันนี้ตนตั้งใจเดินทางมาทานอาหารที่ร้านของนายณัฐวุฒิ ซึ่งก็ทราบว่าเขาเปิดร้านขายอาหารมาสักพักแล้ว แต่ไม่ทราบว่าร้านอยู่ที่ตรงไหน พอเห็นเขาไปออกรายการจึงรู้ว่าร้านอยู่ตรงนี้ก็เดินทางมาอุดหนุน เพราะชอบที่นายณัฐวุฒิเพราะเป็นคนตรง ซื่อสัตย์ต่อคำพูดของตัวเองทุกอย่าง ตนฟังแล้วประทับใจดี และเขาไม่ไปพูดว่าคนเก่าด้วย ขนาดออกมาจากพรรคแล้วยังให้เครดิตทุกคน ตนฟังแล้วก็ชื่นใจ เขาเป็นคนตรงพูดคำไหนเป็นคำนั้น ในอนาคนตนอยากให้เขาเล่นการเมืองต่อ อยากได้นัการเมืองแบบนี้ เพราะที่ผ่านมารู้สึกผิดหวังกับพรรคที่ตนเคยสนับสนุนมา ผิดหวังมาก ในฐานะที่ตนเป็นเสื้อแดงมานานมาก ตนรู้สึกเสียดายคะแนนเสียงและเสียใจกับการจัดตั้งรัฐบาลแบบข้ามขั้วแบบนี้ แต่ยังไม่เสียใจเท่ากับคำพูดของหัวหน้าพรรคที่ไปให้สัมภาษณ์แบบนั้นเป็นเรื่องที่น่าผิดหวัง
ทางด้านลูกค้าชายเสื้อแดง กล่าวว่า ตนมาที่ร้านนี้เป็นครั้งแรก อาหารที่ร้านดีมาก ขอแนะนำเลยคือแกงส้มซึ่งที่ตนเลือกมาร้านนี้เพราะต้องการสนับสนุนและให้กำลังใจนายณัฐวุฒิ ซึ่งคนที่มีอุดมการณ์ และเป็นไอดอลให้กับใครหลายคน ตนขอให้นายณัฐวุฒิยึดถืออุดมการณ์ในสิ่งที่ทำไว้แบบนี้ตลอดไป
ในเวลาต่อมาผู้สื่อข่าวจึงได้พูดคุยกับนายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ หลังผันตัวเป็นทั้งเจ้าของร้าน รับแขก เสิร์ฟอาหาร ตลอดเวลา โดยนายณัฐวุฒิ เปิดเผยว่า หลังจากที่นายกทักษิณกลับมา บริบททางการเมืองของไทยก็เดินทางมาถึงจุดที่มีการกำหนดข้างยืนของพรรคการเมือง หรือกลุ่มมวลชนทางการเมือง ซึ่งมันมีการจัดกลุ่มใหม่ ต้องยอมรับว่าการจัดตั้งรัฐบาลผสมนำโดยพรรคเพื่อไทยคราวนี้ ได้ถูกตั้งคำถามจากสังคมอย่างเข้มข้นที่สุดตั้งแต่มีพรรคเพื่อไทยมา โดยประชาชนถามว่าจุดยืนทางการเมืองของพรรคคืออะไร ซึ่งจะทำให้กลุ่มมวลชนหรือประชาชนที่เคยสนับสนุนพรรคเพื่อไทย จะยังคงสนับสนุนพรรคต่อไปหรือไม่ หากถ้ายังมีผู้สนับสนุนอยู่ จะมีมากเหมือนแต่ก่อนการเลือกตั้งที่ผ่านมาหรือไม่ สิ่งเหล่านี้มันเป็นปัจจัยเร่งที่จะทำให้รัฐบาลชุดนี้ ไม่มีเวลาไหว้ครู เมื่อจัดตั้งคณะรัฐบาลเสร็จก็ต้องดำเนินการตามนโยบายทุกอย่าง ที่ให้คำมั่นประกาศเอาไว้
เต้น ณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า การจัดตั้งรัฐบาลที่มีพรรคร่วมรัฐบาลมากมายหลายพรรค จากพรรคที่เคยเป็นรัฐบาลมาก่อน ซึ่งมีแนวทางตรงข้ามกันชัดเจน ซึ่งการจัดแบ่งรัฐมนตรี แบ่งงานบริหารแบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะทำสำเร็จได้ง่าย คงมากด้วยข้อต่อรอง มากด้วยเกมทางการเมือง และถึงจะได้ข้อยุติไปแล้ว แต่ในระหว่างการทำงาน ด้วยความที่มีนโยบายของพรรคแตกต่างกัน ก็คงส่งผลต่อการทำงานของรัฐบาลชุดนี้ให้เป็นไปด้วยความยากลำบาก แต่เมื่อพรรคเพื่อไทยตัดสินใจแล้ว ว่าจะเดินเส้นทางสายนี้ ก็ต้องฝ่าฟันไปทุกอุปสรรคให้ได้ และหากทำไม่ได้ตามนโยบายที่หาเสียงเอาไว้ก็คิดว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้าคงยากลำบากที่จะได้รับการสนับสนุนจากประชาชน
เต้น ณัฐวุฒิ เปิดเผยอีกว่า สำหรับนายเศรษฐา นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ต้องทำงานกันเป็นทีม จากการที่ตนเคยร่วมงานมาด้วย พบว่านายเศรษฐามีสปิริตทำงานเป็นทีม และมีความเข้าใจ ตกผลึกในเรื่องนี้อย่างชัดเจน ว่าการเดินหน้าทางการเมืองจะเดินคนเดียวไม่ได้ จะต้องมีคนที่มีความรู้ในด้านต่างๆ มาคละเคล้ากันทำงานเป็นทีม เพื่อที่จะนำพาบ้านเมืองให้เดินไปข้างหน้า แต่จากการที่มีรัฐบาลผสมมาจากต่างขั้วต่างจุดยืน ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้นายเศรษฐาเดิน นำหน้ารัฐบาลชุดนี้ไปได้ สิ่งที่จะนำพารัฐบาลชุดนี้ไปได้ คือทุกสิ่งที่ประกาศไว้กับประชาชน ต้องทำให้เห็นผลทันที ไม่มีเวลาหายใจ ทันทีที่เข้าดำรงตำแหน่งต้องผลิตผลงานออกมา และผลิตอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่รัฐบาลชุดนี้ต้องเร่งทำ คือตามที่ประกาศออกมา การประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรกต้องเห็นชอบเรื่องประชามติการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จะต้องมีการลดราคาค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าน้ำมันทันที และอีกหลายเรื่อง ไม่ว่าจะยากเย็นแค่ไหน ไม่ว่าจะแตกต่างในคณะรัฐมนตรีแค่ไหน พรรคเพื่อไทยก็ไม่มีข้ออ้าง ไม่มีทางเลือก
โดยเฉพาะนโยบายดิจิตอลวอลเลท ค่าแรงขั้นต่ำ วันละ 600 บาทภายในปี 2570 หรืออีกหลายนโยบาย ประชาชนกำลังจับตาดูอยู่ และแน่นอนจะต้องมีกลไกตรวจสอบทั้งฝ่ายค้านในสภา และฝ่ายประชาชนที่ตั้งคำถามกับการตั้งรัฐบาลผสมแบบนี้ จะมีการติดตามพรรคเพื่อไทยแบบไม่ลดละ เป็นการทำงานภายใต้แรงเสียดทาน ซึ่งพรรคเพื่อไทย ตัดสินใจเทต้นทุนหมดหน้าตักก็ต้องรับผิดชอบ
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องที่นายวิโรจน์จากพรรคก้าวไกลเอ่ยปากชวนร่วมงานนั้น ตนต้องขอบคุณทางนายวิโรจน์และขอบคุณเพื่อนจากพรรคก้าวไกลอีกหลายคน ที่ติดต่อเข้ามา ทั้งที่เปิดเผยและติดต่อมาส่วนตัวทั้งที่อยากเข้ามาคุยกัน มาหา ตนยินดีที่จะพบปะพูดคุยกับทุกคน เพราะหลักใหญ่ทางการเมือง มองไปที่ประโยชน์ของประชาชนเหมือนกัน มีนโยบายที่ผลักดันบ้านเมืองให้เดินไปข้างหน้า โดยไม่ขัดต่อหลักการและจุดยืน ตนก็คิดว่าสามารถทำงานร่วมกันได้ไม่ว่าจะพรรคไหน หรือกลุ่มมวลชนไหน เพราะหลักสำคัญมันอยู่ที่หลักการ ตนสามารถพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ ส่วนการที่จะร่วมกิจกรรมทางการเมืองกับพรรคไหนนั้น แต่ตอนนี้ตนยังไม่ได้คิด เพราะเพิ่งเดินออกมาจากครอบครัวเพื่อไทย และยังโดนตัดสิทธิ์ทางการเมือง ห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองอีก 7 ปี จึงขอให้ทุกอย่างดำเนินเรื่องราวไปตามสถานการณ์ดีกว่า
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า สำหรับจุดยืนของตนวันนี้ ยังเชื่อมั่นในหลักการประชาธิปไตย ตั้งแต่วันแรกที่ตนขึ้นไปยืนบนเวทีต่อสู้ จนถึงวันนี้ตนก็ยังมีหลักการเหมือนเดิม เพียงแต่ตนมีวิถีแบบของตน มีการแสดงจุดยืนหรือการจะก้าวเดินทางการเมืองตามแบบฉบับแบบของณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ซึ่งไม่ได้แปลก และตนพร้อมที่เคารพในการตรวจสอบในการเห็นด้วยหรือเห็นต่างของประชาชน ระยะเวลาจะเครื่องพิสูจน์อธิบายว่าตนเป็นคนอย่างไร ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นตนก็ยังยืนอยู่ที่เดิมหลักการเดิมแน่นอน ทุกวันนี้หลังจากที่ตนประกาศยุติบทบาท ก็ยังไม่ได้วางแผนทางการเมือง ตอนนี้ตนจะอยู่ที่ร้านเยี่ยมใต้ ทำหน้าที่ต้อนรับลูกค้า ต้อนรับเพื่อน พี่น้องทางการเมืองหลากหลาย ที่สลับสับเปลี่ยนกันมา กลายเป็นจุดรวมของคนหลากหลายกลุ่ม มาแลกเปลี่ยนความคิดถึงกัน สำหรับบรรยากาศที่ร้านวันนี้คนค่อนข้างมากล้นหลาม ซึ่งเป็นแบบนี้มาหลายวันแล้ว โดยเฉพาะมื้อกลางวัน ลูกค้าจะเยอะมาก โต๊ะเต็ม ต้องรอคิวหลายคิว ทำให้ตนรู้สึกอบอุ่น และขอขอบคุณลูกค้าที่มาจากที่ไกลๆ มาจากต่างจังหวัด ส่วนใหญ่ลูกค้ามาให้กำลังใจตน ทำให้รู้สึกอบอุ่น เพราะลูกค้าตั้งใจมาให้กำลังใจ ต้องการมาอยู่เคียงข้าง อยากเห็นตนเดินหน้าทางการเมืองต่อไป ต้องขอขอบคุณกำลังใจเหล่านี้มันมีค่ามากสำหรับตน ที่จะทุ่มเทกำลังในการต่อสู้ต่อไปเพื่อประชาชน
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า ส่วนที่ร้านเยี่ยมใต้ ถามว่าเมนูแนะนำ มีอะไรนั้นตนบอกไม่ถูกเพราะมีเมนูแนะนำมากมาย เช่น แกงส้ม ขนมจีนน้ำยา มัสมั่นเนื้อ และหมู ใบเหลียงผัดไข่ น้ำพริกแมงดา น้ำพริกกุ้งสด โดยทางร้านจะเปิดให้บริการตั้งแต่ 10.30 น ถึง 21.30 น แต่ถ้าลูกค้ามาถึงก่อนเวลา ตนก็จะสั่งเด็กให้ดูว่าพร้อมที่จะ เปิดหรือยัง ถ้าพร้อมก็สามารถเชิญลูกค้าเข้ามานั่งได้ก่อนเลย ส่วนหลังจากเวลาร้านปิดลูกค้าสบายใจที่จะนั่งต่อ ทางร้านก็สามารถเปิดให้นั่งได้อีกระยะหนึ่ง